นอกจากย่านสาทร-สีลม, ย่านสยามสแควร์ – ราชประสงค์ และย่านสุขุมวิท ที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจใจกลาง กรุงเทพฯ (Central Business District : CBD) ยังมีอีกหนึ่งทำเลทอง นั่นคือ “ห้าแยกลาดพร้าว” อีกไม่นานย่านนี้จะกลายเป็น CBD แห่งใหม่ของมหานครแห่งนี้ เนื่องจากมีความ “ครบวงจร” ของการเป็นย่านธุรกิจ ทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อระบบคมนาคมสายสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นทางถนน และรถไฟฟ้า BTS – MRT เป็นศูนย์รวมอาคารสำนักงานชั้นนำของประเทศ แวดล้อมด้วยสถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการ และอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะขนาดใหญ่ รวมถึงมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่
หนึ่งในศูนย์การค้าที่ปัจจุบันกลายเป็น Iconic ของย่านนี้ไปแล้ว คือ “ยูเนี่ยน มอลล์” (Union Mall) โดดเด่นด้วยอาคารสีเหลือง ตั้งตระหง่านอยู่บนทำเลทองแห่งนี้มาแล้วหนึ่งทศวรรษ เปิดต้อนรับทั้งขาช้อปชาวไทย และชาวต่างชาติที่ในแต่ละวันแวะเวียนเข้ามาจับจ่ายเสื้อผ้าแฟชั่นเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ ไปจนถึงลิ้มรสอาหารเด็ดในราคาสบายกระเป๋าตังค์ พูดได้ว่าใครที่เข้ามาเดินใน Union Mall ต้องได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านอย่างน้อย 2 – 3 ชิ้น
จาก “Bonanza Mall” สู่ “Union Mall” ตำนานศูนย์การค้าร้านค้ารายย่อย
หากย้อนกลับไปเมื่อกว่า 20 ปีก่อน แหล่งช้อปปิ้งใหญ่ของวัยรุ่นยุค ‘90s ต้องย่านสยามสแควร์ – ปทุมวัน ที่เป็นศูนย์รวมแฟชั่นเทรนด์แห่งยุค ซึ่งหนึ่งในสถานที่ในย่านนี้ที่วัยรุ่นนิยมไปเดิน ก็ต้อง “โบนันซ่า มอลล์” (Bonanza Mall) อยู่บริเวณสะพานเชื่อมศูนย์การค้ามาบุญครอง ภายในเต็มไปด้วยร้านค้ารายย่อยมากมายกว่า 300 ร้าน ทั้งร้านขายเสื้อ กางเกงยีนส์ เครื่องประดับ นาฬิกา รองเท้า และอีกมากมาย จำหน่ายในราคาเข้าถึงง่าย
แม้วันนี้ “โบนันซ่า มอลล์” ทำการคืนพื้นที่ให้กับจุฬาฯ ไปแล้ว แต่ตำนาน “ศูนย์การค้าร้านค้าย่อย” ยังคงได้รับสานต่อเป็น “ยูเนี่ยน มอลล์” ในปัจจุบัน ที่ตั้งอยู่ใจกลางห้าแยกลาดพร้าว บนพื้นที่ 18 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินของ “ครอบครัวศิริจิตร” ที่ได้ที่ซื้อที่ดินผืนนี้มานานแล้ว
“คุณพ่อทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่อาศัยต่างๆ ทั้งบ้านและคอนโด ทำสถาบันการเงิน และธุรกิจรีเทลที่เริ่มด้วย “โบนันซ่า มอลล์” ที่มีบูธ หรือร้านค้าเล็กๆ กว่า 300 ยูนิต เนื่องจากคุณพ่อมองการณ์ไกลว่าการเปิดร้านค้า ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ใหญ่ แต่ใช้พื้นที่เล็กๆ เปิดร้าน ก็สามารถทำการค้าได้แล้ว
จากโบนันซ่า มอลล์ ทำให้เรามีความชำนาญในการสร้างศูนย์การค้าที่บริหารร้านค้ารายย่อย และต้นแบบที่เรานำมาต่อยอดเป็น “ยูเนี่ยน มอลล์” พัฒนาขึ้นด้วยวิสัยทัศน์ต้องการเป็นศูนย์การค้าชั้นนำ ที่บริหารร้านค้ารายย่อยอย่างมืออาชีพ และครองใจนักช้อปทุกยุคทุกสมัย โดยเราเป็นผู้สร้างโอกาสให้กับคนได้มีธุรกิจเป็นของตัวเอง” คุณจิรภัทร ศิริจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามจตุจักร จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้า “ยูเนี่ยน มอลล์” เล่าที่มาโครงการ
ทว่าการทำธุรกิจศูนย์การค้า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครมีที่ดินแล้วจะปลุกปั้นให้ประสบความสำเร็จได้เสมอไป เพราะธุรกิจค้าปลีกในไทยมีการแข่งขันสูง แต่หัวใจสำคัญที่ทำให้ “ยูเนี่ยน มอลล์” แจ้งเกิดได้อย่างสวยงาม กระทั่งทุกวันนี้เป็นที่รู้จักในหมู่นักช้อปชาวไทย และขณะนี้เริ่มดังไปไกลถึงต่างประเทศแล้ว ประกอบด้วย
– โลเกชั่น ถือเป็นความได้เปรียบของ “ยูเนี่ยน มอลล์” ที่ตั้งอยู่บริเวณห้าแยกลาดพร้าว ที่เป็นย่านชุมชนและย่านการค้าขนาดใหญ่ที่มีความครบวงจร
– วาง Position ศูนย์การค้าแตกต่างจากรายอื่นที่อยู่ในย่านเดียวกัน โดยกำหนดชัดเจนว่าเป็นศูนย์การค้าที่บริหารร้านค้าย่อย เพื่อส่งเสริมการสร้าง Booth Brand ในราคาเข้าถึงง่าย ผสานเข้ากับความหลากหลายของสินค้า ซึ่งการมีร้านค้าย่อยจำนวนมาก และความหลากหลายของสินค้าให้เลือกช้อปได้อย่างจุใจ เป็น “แม่เหล็ก” สำคัญในการดึงคนเข้ามาช้อปปิ้งที่ “ยูเนี่ยน มอลล์”
– การไม่หยุดพัฒนาปรับปรุงต่อเนื่อง และดูแลเอาใจใส่ “ผู้เช่าร้านค้า” ไม่ได้ปล่อยให้มีคนกลางมาเหมาพื้นที่ แล้วปล่อยเซ้งต่อ
– พนักงาน จากวันแรกที่เปิดให้บริการมีเพียง 30 กว่าคน แต่วันนี้ขยายทีมงานเพิ่มเป็นร้อยกว่าคน โดยใช้วิธีการบริการแบบครอบครัว ที่ดูแลกันเหมือนครอบครัว ผสานเข้ากับความเป็นมืออาชีพ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง
ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ ทำให้ “ยูเนี่ยน มอลล์” ในวันนี้ ได้รับการตอบรับจากผู้เช่ามากมาย โดยมีร้านค้าเช่ามากถึง 1,500 ยูนิต แบ่งเป็นบูธเล็กๆ 900 ยูนิต, ร้านแบรนด์ใหญ่กว่า 100 ยูนิต และพื้นที่ส่วนกลางที่มีร้านเครื่องดื่ม ไอศกรีม–ขนมหวาน และมีลูกค้ามาเดินไม่ต่ำกว่า 45,000 คนต่อวัน โดยเฉลี่ยคนหนึ่งเดิน 2 ครั้งต่อเดือน มียอดใช้จ่าย 1,500 บาทต่อคนต่อครั้ง
“Core Value ของยูเนี่ยน มอลล์ ตั้งแต่ยุคคุณพ่อวางไว้ คือ ความสำเร็จของผู้เช่า คือความสำเร็จของยูเนี่ยน มอลล์ และเราบริหารพื้นที่เอง เพื่อดูแลผู้เช่าเหมือนครอบครัว ใกล้ชิด อบอุ่น และบริหารอย่างมีความเท่าเทียมและยุติธรรม เพื่อดูแลร้านค้าได้อย่างทั่วถึงและเต็มที่ ไม่ได้ปล่อยให้คนกลางดูแล เพราะจะทำให้ค่าเช่าสูงขึ้น จนผู้เช่าอยู่ไม่ได้ และลูกค้าที่มาเดินซื้อของต้องจ่ายแพงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น”
ปรับโฉมใหญ่ – สร้างความสัมพันธ์ผู้เช่าและนักช้อป
ในโอกาสครบรอบ 10 ปี “ยูเนี่ยน มอลล์” ทางศูนย์การค้าฯ ไม่เพียงทุ่มงบจัดอีเว้นท์ใหญ่เปิดตัวภาพลักษณ์ใหม่ ที่ดูฮิปทันสมัยทั้งภายในและภายนอกเท่านั้น ยังปรับกลยุทธ์การสื่อสารการตลาด สร้างกระแสการบอกต่อในกลุ่มนักช้อป อย่างต่อเนื่องด้วยคลิปไวรัลวีดิโอ “ยูเนี่ยน รอ” พร้อมทั้งใช้สื่อ PR ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ภายใต้ธีมคอนเซ็ปต์ที่เป็นแฮชแท็ก เก๋ๆ ฮิตติดปากอย่าง “#เรื่องช้อปเราจริงจัง” หรือ “#SeriousShopping”
การปรับตัวครั้งใหญ่นี้ เพื่อรองรับการขยายตัวของห้าแยกลาดพร้าวในอนาคต ที่ต่อไปจะมีผู้คนใช้ชีวิตและ เดินทางมาย่านนี้มากขึ้น และเพิ่มการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของศูนย์การค้าฯ
เริ่มจากเขย่าผังภายในศูนย์การค้า ด้วยการจัด Zoning ใหม่ พร้อมทั้งเพิ่มเติมร้านค้าและบริการ ทำให้ตอบ โจทย์ผู้มาใช้บริการได้สัมผัสประสบการณ์ช้อปปิ้งที่สนุก สะดวก และมองหาสินค้าที่ต้องการได้ง่ายและชัดเจน
ส่วนของชั้น G เกิดโซนใหม่ “UMD Department” สำหรับผู้ที่มีแบรนด์สินค้าของตัวเอง แต่ไม่มีหน้าร้าน หรือมีเงินทุนน้อย สามารถนำสินค้ามาฝากขายได้ จากนั้นชั้น F1 เป็นโซนร้านค้าสินค้าแฟชั่นทั่วไป ขึ้นมาชั้น F2 ร้านจำหน่ายเครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า และธนาคาร ต่อด้วยชั้น F3 โซนร้านจำหน่ายชุดออกงาน และชุดทำงาน
ส่วนชั้น F4 เป็นพื้นที่ของคุณผู้ชายได้ช้อปปิ้งกันอย่างจุใจ รวมทั้งสินค้าวินเทจ และร้านอาหาร ถัดมาเป็นชั้น F5 โซนความสวยความงาม และสินค้าวินเทจ และ ชั้น F6 ที่มีพื้นที่ประมาณ 10,000 ตารางเมตร กำลังจะพัฒนาเป็น Convention Hall ขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการจัดกิจกรรม หรืออีเว้นท์ต่างๆ ได้อย่างเต็มรูปแบบ
นอกจากนี้เพื่อสื่อสารเชื่อมโยงแบรนด์ “ยูเนี่ยน มอลล์” เข้าถึงใจลูกค้าได้ง่ายขึ้น จึงได้เปิดตัว Brand Ambassador อย่าง “Miss Hip” ซึ่งเป็น Chief Hip Officer ตัวแม่ของขาช้อปและกูรูด้านแฟชั่นสุดฮิป ที่มีความเชี่ยวชาญ แฟชั่นทุกแขนง ทุกกลุ่ม ทุกแนว มาสร้างสีสันความสนุกและประสบการณ์การช้อปปิ้งใหม่ๆ แก่นักช้อปตัวจริงทั้งหลาย
นักช้อปที่สนใจสมัครเข้ามาเป็นเพื่อนมิสฮิป หรือ “Hip’s Member Card” โดยมียอดใช้จ่ายครบ 3,000 บาทในหนึ่งครั้ง หรือ ยอดใช้จ่ายทุก 300 บาท แลกแสตมป์มิสฮิป 1 ดวง สะสมให้ครบ 10 ดวง ขั้นตอนง่ายๆ เท่านี้ นักช้อปก็จะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าใช้บริการที่พักนักช้อป “Hip’s Club” ฟรี ทั้งบริเวณชั้น G และชั้น F5 ที่ภายในไม่เพียงตกแต่ง อย่างมีสไตล์ เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ รถเข็นสำหรับนักช้อป, Wi–fi, ขนมขบเคี้ยว – เครื่องดื่ม, ห้องลองเสื้อผ้า, โต๊ะเครื่องแป้ง รวมถึงเป็น Co–Working Space และห้องประชุม (ที่จะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้)
ความจุใจยังไม่หมดแค่นี้ ล่าสุด “ยูเนี่ยน มอลล์” ยังได้ออกนวัตกรรมที่ยกระดับความจริงจังในการช้อปปิ้ง อย่างกระเป๋า “Hip’s Shoping Bag” พกพาสะดวก ใช้งานได้หลายรูปแบบ หน้าตาและเนื้อผ้ายังดูดี และที่พิเศษคือ สามารถปรับขยายได้ใหญ่มาก เพื่อรองรับการช้อปปิ้งของนักช้อปขาใหญ่ใจโตทั้งหลาย
เรียกได้ว่าปีนี้ ยูเนี่ยน มอลล์ พร้อมลุย เพื่อเปลี่ยนทุกไอเดียความต้องการของนักช้อปรุ่นใหม่ให้กลายเป็นประสบการณ์จริงได้เลยทีเดียว
“เมื่อเอ่ยถึงยูเนี่ยน มอลล์ คนจะนึกถึงความหลากหลายของสินค้าที่มีครบ และราคาไม่สูงมาก ทำให้คนมายูเนี่ยน มอลล์ ตั้งใจมาช้อปปิ้ง โดย 70% ของลูกค้าเป็นกลุ่มผู้หญิง และด้วยความที่สินค้าราคาเข้าถึงง่าย จึงสามารถซื้อได้บ่อย เปลี่ยนได้บ่อย สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคนี้ ที่ต้องการตามกระแส หรือตามเทรนด์แฟชั่นตลอดเวลา เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเรา คือ การทำ Retail Mix ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม และพร้อมปรับเปลี่ยนให้ทันยุคสมัย”
ไม่เพียงแต่สร้าง Engagement กับลูกค้าเท่านั้น ขณะเดียวกัน “ยูเนี่ยน มอลล์” ยังสร้างความสัมพันธ์กับ “ผู้เช่าร้านค้า” ซึ่งถือเป็นพาร์ทเนอร์ของศูนย์การค้า โดยในปีนี้หลังจาก Renovate แล้ว จะมีโปรแกรมพัฒนาช่วยเหลือ ร้านค้า เนื่องจากที่ผ่านมาจะมีร้านค้าเข้ามาขอคำปรึกษาในเรื่องเกี่ยวกับสินค้า การตลาด การขาย การบริหารจัดการ สต็อคสินค้า การเงิน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจและรวบรวมข้อมูลร้านค้า
“หลังจากเราเปิดศูนย์การค้าครบ 10 ปี เราได้เรียนรู้ปัญหา อุปสรรคมากมาย รวมถึงการดูแลผู้เช่า ซึ่งมีร้านค้า ที่เติบโตไปพร้อมไปกับเรา จากวันแรกเป็นร้านแบกะดินตั้งอยู่หน้าศูนย์การค้า วันนี้พัฒนามาเปิดบูธในศูนย์ฯ ธุรกิจค่อยๆ โตไปพร้อมกับเรา และขณะนี้เรามีทีมผู้เช่าสัมพันธ์ เพื่อดูแลร้านค้าต่างๆ เพราะฉะนั้นเราไม่ได้เป็นแค่ผู้ให้เช่าพื้นที่ อย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องลงลึกว่าทำอย่างไรผู้เช่าเมื่อเปิดร้านค้า แล้วจะประสบความสำเร็จ โดยต่อไปจะมีโปรแกรม พัฒนาและช่วยเหลือร้านค้า
สิ่งเหล่านี้คือ ประสบการณ์ของยูเนี่ยน มอลล์ที่สั่งสมมาตลอด เราฟังเสียงความต้องการทั้งฝั่งผู้เช่า และฝั่ง Shopper และนำมาพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้เราวางรากฐานธุรกิจให้ดำเนินไปได้อย่างมั่นคงในระยะยาว และเชื่อมั่นว่าใน 3 – 5 ปีข้างหน้า เราต้องแข็งแรงมากขึ้น โตขึ้น และพัฒนามากขึ้น” คุณจิรภัทร สรุปทิ้งท้าย