มิลวาร์ด บราวน์ (Millward Brown) บริษัทชั้นนำด้านการวิจัยทางการตลาดและสื่อสารการตลาดระดับโลก เผย 10 ดิจิตอลเทรนด์และมีเดียเทรนด์ที่จะฉายแววเกิดในปี 2013 (Top 10 Emerging Trends in Digital and Media) ซึ่งมีประเด็นการเติบโตของโซเซียลมีเดีย (Social Media) โดยเฉพาะบทบาท Facebook ,การสื่อสารแบบหลายมิติ , การแจ้งเกิดของ Mobile และ Social TV เป็นต้น
1. Facebook : revenue-generating machine
ผู้เชี่ยวชาญจาก Millward Brown เล็งเห็นว่าในปี 2013 นี้จะเป็นปีทองของ Facebook โดยที่รูปแบบการใช้งานเปลี่ยนแปลงไปจากพื้นที่สำหรับการพูดคุยแบบกันเองกับเพื่อนๆ (cozy social platform) ไปสู่เครื่องมือการหารายได้จากแรงกระตุ้นเชิงพาณิชย์(commercial motives) Martin Ash หนึ่งในคณะผู้เชี่ยวชาญทำนายว่าเราจะต้องเผชิญกับโฆษณาปริมาณมหาศาล เช่น โฆษณา Sponsored Stories หรือ โฆษณาแบบวีดีโอ เมื่อใช้งาน Social Media ต่างๆแบบ Free Access ดังนั้นพวกเราจะต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวอย่างรัดกุม เพราะว่า Facebook กำลังไล่ต้อนพวกเราด้วยโฆษณารูปแบบใหม่ในปีหน้า
2. Human Insight
เครื่องมือรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลทางโซเซียล (Social Data Collecting and Analyzing Platforms) ที่ช่วยเหลือในการฟีตแบ็คและช่วยเหลือนักการตลาด ติดตามทุกสิ่งบนโลก Social Networks จะถูกพัฒนาขึ้นด้วยอินไซต์ของมนุษย์ เพื่อให้การวัดผลมีความแม่นยำมากขึ้น และทำให้ผลวิจัยหรือผลสำรวจมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
3. Mobile Remotes
ในขณะที่สมาร์ทโฟนได้กลายเป็นรีโมทเคลื่อนที่ของชีวิตพวกเรา ที่ใช้สำหรับทำประโยชน์ต่างๆได้มากมายเบ็ดเสร็จภายในอันเดียว (ไม่จำเป็นต้องมีกุญแจ, โน๊ตบุ๊ค, ทรัมพ์ไดร์ฟ) ดังนั้นแบรนด์จะต้องเรียนรู้วิธีการมีปฏิสัมพันธ์ต่อผู้บริโภคด้วยมือถือ เพื่อสร้างประสบการณ์ต่อแบรนด์อย่างไร้ขอบเขต
4. Paid-Subscription raising
ในปี 2013 พวเราจะเห็นเว็บข่าวหรือเว็บคอนเท้นท์ต่างๆ จะเปลี่ยนไปจากการเข้าชมได้ฟรี มาเป็นการสมัครสมาชิกเพื่อเข้าใช้บริการ เพื่อได้รับคอนเท้นท์หรือเนื้อหาพิเศษ/ฉบับเต็ม ซึ่งอาจจะเป็นการทำให้กลุ่มเป้าหมายมีจำนวนลดน้อยลง แต่ทว่าอัตรา CPM (Cost Per Millions) กลับสูงขึ้นให้กับพรีเมี่ยมแบรนด์ที่ได้ลงโฆษณากับเว็บคอนเท้นท์เหล่านั้น หรือ คอนเท้นท์ที่มีผู้สปอนเซอร์โดยสินค้า FMCG จะมีมากขึ้นในเว็บคอนเท้นท์
5. Omnichannel Marketing
ในเมื่อเกือบทุกอย่างสามารถเป็นช่องทางการเชื่อมต่อกับผู้บริโภค ซึ่งอาจเรียกได้ว่า ผู้บริโภคสามารถซื้อได้ทุกที่ทุกเวลา ดังนั้นนักการตลาดจะต้องใช้เครื่องมือและแพลตฟอร์มต่างๆที่มีอยู่อย่างชาญฉลาด และสร้างเป็นระบบเชื่อมโยงซื่งกันและกันเพื่อใช้ในการส่งผ่านประสบการณ์ต่างๆต่อผู้บริโภคทุกๆช่องทาง
6. Social TV Grows up
สื่อโทรทัศน์ทั่วไปยังคงไม่ตายอย่างที่หลายๆคนคาดการณ์ไว้ เนื่องจากฟังก์ชันการใช้งานของโทรทัศน์จะถูกเติมเต็มด้วยระบบ Social Network และ TV Apps ต่างๆ ตัวอย่างเช่น Zeebox ซึ่งหมายความนัยๆว่า จะเข้าถึงผู้บริโภคให้อยู่หมัด แบรนด์จำเป็นต้องสื่อสารเรื่องราวทั้งหลายผ่านหลายๆจอสกรีนไปพร้อมกัน
7. Mobile Advertising Approaches
ทวีปแอฟริกา เป็นตัวอย่างที่เห็นเด่นชัด สำหรับการเข้าสู่ยุคใช้อินเตอร์เน็ตผ่านสมาร์ทโฟนเป็นหลัก โดยที่กระโดดข้ามการใช้คอมพิวเตอร์ PC ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลให้นักการตลาดต้องทดลองใช้วิธีการเข้าถึงผู้บริโภคด้วย โฆษณาผ่านมือถือ (Mobile Advertising)
8. Real-Time go mainstream
ในปี 2012 จุดเริ่มต้นของการวางแผนและปรับแต่งวิธีการสื่อสารแบรนด์อย่าง Real-Time ซึ่งทำให้แบรนด์ หรือ สินค้าปรับแต่งแคมเปญได้ตลอดเวลา ใส่เพิ่มองค์ประกอบที่ทำให้ประสบความสำเร็จ และลดปัจจัยที่ไม่มีประสิทธิภาพลง ส่วนในปี 2013 ยิ่งไปกว่านั้น การวางแผนและปรับแต่งอย่าง Real-time จะกลายเป็นกระแสหลัก ที่เป็นจุดเด่นสำคัญของดิจิตอลแคมเปญในการสื่อสารและการประเมินผล
9. Display Format Different Result
ตามที่งบประมาณการใช้สื่อออนไลน์เติบโตมากขึ้น นักการตลาดจะกระตือรือร้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเพื่อที่จะเรียนรู้ว่าแคมเปญออนไลน์สามารถทำให้ลุล่วงตามวัตถุประสงค์ได้อย่างไร เพื่อให้ได้ผลลัพทธ์มากที่สุดมีเดียเอเย่นซี่จะต้องให้ความใส่ใจอย่างมากต่องานวิจัยงานสำรวจที่ออกมามากมายที่บอกถึงความแตกต่างของออนไลน์แต่ละรูปแบบให้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน เหตุการณ์นี้เองจะนำไปสู่นวัตกรรมและความแม่นยำในการวางแผนสื่อปี 2013
10. Mobile Engagement : Apps + Action
รูปแบบพฤติกรรมการบริโภคแสดงให้เห็นว่าเวลาส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับ App บนมือถือ มากกว่า การใช้งาน Web และการโฆษณาแบบ In-App ในอนาคตจะเป็นรูปแบบ Rich Media มากขึ้น อย่างเช่น iAd ของ Apple (รูปแบบ Interactive/Expandable) และ Mobile Video จะดึงผู้บริโภคให้เข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์อย่างมาก สิ่งเหล่านี้จะช่วยพัฒนา/ปรับแต่งการโฆษณาให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ
ที่มา : Millward Brown