HomeFeatured10 อันดับเมืองค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก 2013

10 อันดับเมืองค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก 2013

แชร์ :

WCOL_2013_570x257

 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

จากรายงานของ Economist Intelligence Unit  ในสัปดาห์นี้เกี่ยวกับเมืองที่มีค่าครองชีพสูงสุดในโลก มี โตเกียว (Tokyo)  โอซาก้า (Osaka)  ซึ่งไม่น่าแปลกใจอย่างไรมากนัก  เนื่องจากเมืองโตเกียวได้รับตำแหน่งมาแล้วถึง 6 ปี ซ้อน

การจัดอันดับอิงจากปัจจัยค่าครองชีพ ตั้งแต่ราคาเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มยันไปถึงอาหารการกิน  ซึ่งสินค้าขนมปัง  ไวน์ และบุหรี่ ราคาแพงขึ้นเห็นได้ชัดเจน  เนื่องจากราคาค่อนข้างผันผวนตามการปรับภาษี/ศุลากรแต่ละปี

รายชื่อเมืองเหล่านี้ถูกคำนวณในจำนวนสินค้าเท่าๆกันตามดัชนี Consumer Price Index ของสหรัฐเมริกา   ซึ่งผลปรากฎว่า  โตเกียว เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุด  และประชากรหนาแน่นมากที่สุด  รวมไปถึงยังเป็นอีกเมืองที่สำคัญของโลกอีกด้วย  ราคาเฉลี่ยของขนมปัง 1 แถว ประมาณหนัก 2 ปอนด์  ประมาณ  9.06 เหรียญสหรัฐฯ (270 บาท)  และไวน์ตกอยู่ที่ราคา  15.95 เหรียญฯ (476 บาท)

ขณะที่ ซิดนีย์  (Sydney) และ เมลเบิร์น (Melbourne) กระโดดขึ้นมา 3 และ 4 อันดับ โดยเทียบกับราคารไวน์ขวดเดิมในโตเกียว  มีราคามากกว่า 25 เหรียญฯ    สาเหตอาจจะเป็นเพราะการติดต่อกับทางการค้าและเศรษฐกิจกับจีน  จึงทำให้ดอลล่าร์ออสเตรเลียจึงสูงกว่าดอลล่าร์สหรัฐฯ ใน 2-3 ปีที่ผ่านมา  ดังนั้นจะไปอาศัยหรือท่องเที่ยวในออสเตรเลียก็ต้องระมัดระวังค่าครองชีพด้วยเช่นกัน

แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ  การากัส  (Caracas) เมืองหลวงของเวเนซุเอลา กระโดดขึ้นมา 25 อันดับจากปีที่แล้ว จนติดอันดับที่ 9   สาเหตุเป็นเพราะอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและอัตราการแลกเปลี่ยนเงินกับดออลล่าร์สหรัฐฯแบบคงที่  ตัวอย่างเช่น  ราคาขนมปัง 1 แถว แพงขึ้น 20% หากเทียบกับปีที่แล้ว  และราคาไวน์สูงขึ้น  13%

จากรายการเผยแนวโน้มให้เห็นว่า ประเทศแถบเอเชียกำลังจะมาแทนที่ประเทศแถบยุโรป ในแง่เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก  ซึ่ง 20 อันดับแรก  มีประเทศในเอเชียถึง  11 เมือง  ส่วนลอสแองเจลลิส (L.A.) และ นิวยอร์ค (NewYork) อยู่อันดับเดียวกันที่ 27

10 อันดับเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุด

10. Geneva

9. Caracas

8. Paris

7. Zurich

6. Singapore

5. Melbourne

4. Oslo

3. Sydney

2. Osaka

1. Tokyo

 

 

ดาวน์โหลดรายงาน Worldwide Cost of Living 2013 ที่นี่

ที่มา : Time


แชร์ :

You may also like