กลุ่มเดอะมอลล์จัดทัพใหญ่เขย่าค้าปลีกใจกลางเมือง เปิดที่ดินแปลงงาม 50 ไร่ย่านสุขุมวิท อวดโฉมบิ๊กโปรเจ็กต์ 2 หมื่นล. 3 ศูนย์การค้า ผนึก “เจริญ สิริวัฒนภักดี-สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” สร้างย่านเศรษฐกิจใหม่ พร้อมขน 1,000 แบรนด์ดังทั่วทุกมุมโลกประชันแฟลกชิปสโตร์ ดีเดย์ปลายปี”57
นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช รองประธานกรรมการ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ทิศทางการเติบโตของกลุ่มเดอะมอลล์จะเห็นภาพชัดเจนและต่อเนื่องมากขึ้นนับจากนี้ โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของการลงทุนครั้งสำคัญมูลค่า 2 หมื่นล้านบาทสำหรับ 3 ศูนย์การค้าใจกลางถนนสุขุมวิท คือดิ เอ็มควอเทียร์, ดิ เอ็มสเฟียร์ และการรีโนเวตครั้งใหญ่ของดิ เอ็มโพเรียม บนพื้นที่รวม 6.5 แสน ตร.ม. ซึ่งพร้อมจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปลายปี 2557 นอกจากนี้ยังมีโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่อีกหลายโครงการที่อยู่ในแผนการลงทุนต่อเนื่องจากนี้
“เดอะมอลล์ กรุ๊ป ก้าวต่อไปต้องไม่ธรรมดา ทุกสิ่งที่เราทำ ทุกศูนย์ที่เราสร้างต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามแนวทางของเรา ไม่ว่าจะเป็นดิ เอ็มโพเรียมเมื่อ 14 ปีก่อนที่สร้างเดอะเฟิรสต์ลักเซอรี่ไฮเอนด์ ในเมืองไทยเป็นคนแรกที่นำชาแนล นำแอร์เมสเข้ามาตลาดเมืองไทย กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่สร้างชื่อให้กับกลุ่มเดอะมอลล์ สร้างความเชื่อมั่นในร้านค้าและพันธมิตร รวมถึงการเปิดสยามพารากอน”
และเพื่อรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต หัวเรือใหญ่เดอะมอลล์ กรุ๊ป ฉายภาพว่า ได้ปรับโครงสร้างการทำงานภายในองค์กร ควบคู่กับการสร้างทีมงานใหม่ ๆ ขึ้นมาเสริมทัพ ซึ่งภาพการลงทุนที่ผ่านมากลุ่มเดอะมอลล์อาจจะเว้นช่วงไม่ได้ลงทุนมาพักใหญ่ แต่จะโหมหนักจากนี้มากขึ้น ซึ่งการขยายสาขายังคงยึดแนวทางเดิม คือ ไม่ไปแบบปูพรม แต่ทุกจุดที่ไปต้องเป็นทำเลหลักและจุดสำคัญและโครงการที่เป็นยุทธศาสตร์หลักเท่านั้น
ทั้งนี้ สำหรับโครงการยักษ์ 6.5 แสน ตร.ม.ใจกลางสุขุมวิทนั้น กลุ่มเดอะมอลล์ต้องการที่จะปั้นเป็นย่านค้าปลีกแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ และมีพื้นที่สีเขียวของสวนเบญจสิริ เป็นเสมือนส่วนหนึ่งของโครงการ โดยวางตำแหน่งของทั้ง 3 ศูนย์การค้าให้มีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน คือดิ เอ็มควอเทียร์ พื้นที่ 2.5 แสน ตร.ม. จะตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตที่ไม่ธรรมดาและไม่เหมือนใคร เป็นกลุ่มทาร์เก็ตหลัก
ขณะที่ดิ เอ็มสเฟียร์ พื้นที่ 2 แสน ตร.ม.นั้นจะเป็นมากกว่าช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ แต่จะเป็นเดสติเนชั่นที่ทุกคนต้องมาภายใต้แนวคิดความเร้าใจแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ เฉกเช่นเดียวกับการยกเครื่องรีโนเวต ดิ เอ็มโพเรียม ด้วยงบฯลงทุนแปลงโฉมครั้งใหญ่ 1,000 ล้านบาท สำหรับย้ำภาพศูนย์การค้าลักเซอรี่อย่างเต็มรูปแบบ บนพื้นที่ 2 แสน ตร.ม.
“ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ถ้าสยามพารากอนเป็นย่านการค้านิวยอร์ก ที่นี่จะเป็นปารีส ซึ่งตอนนี้การขายพื้นที่เต็ม 100% แล้ว เหลือเพียงการปรับโยกพื้นที่เท่านั้น ซึ่งปัญหาที่เจอคือลูกค้าแต่ละค่ายต่างต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่กันทั้งนั้น ซึ่งเราไม่มีพื้นที่ให้ ช่วงเมษายนร้านค้าเข้ามาตกแต่งและพร้อมเปิดปลายปีหน้า”
ทั้งนี้ หัวเรือใหญ่เดอะมอลล์ กรุ๊ป ขยายความว่า การสร้างอาณาจักรแห่งใหม่ใจกลางสุขุมวิทนี้ นอกจากจะมีพื้นที่ 50 ไร่ของอาณาจักรดิ เอ็มโพเรียม 1-2-3 แล้วนั้น พันธมิตรและผู้ประกอบการในพื้นที่โดยรอบต่างต้องการที่จะเข้ามาร่วมพัฒนาพื้นที่สร้างย่านธุรกิจแห่งนี้ด้วยกันปัจจุบันมีสยามและราชประสงค์เป็นย่านค้าปลีกหลัก โดยกลุ่มคุณเจริญ
สิริวัฒนภักดี ได้เข้ามาคุยคอนเซ็ปต์พัฒนาร่วมกัน ซึ่งเตรียมที่จะลงทุน 1,000 ล้านบาทปรับโฉมใหม่และยกระดับโรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค ให้ไปในทิศทางเดียวกัน เช่นเดียวกับกลุ่มคุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ที่ได้ลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ “พาร์ค 24″ซึ่งการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างย่านนี้ขึ้นมาใหม่ สร้างเมืองขึ้นมาใหม่ไปพร้อมกันและไปในทิศทางทางเดียวกัน ซึ่งจะครบและสมบูรณ์แบบทั้งศูนย์การค้า โรงแรม สำนักงาน และคอนโดมิเนียมและเรสซิเดนซ์ สร้างไลฟ์สไตล์และชีพจรแห่งใหม่ และเป็นความเร้าใจของกรุงเทพฯ ไม่มีที่ไหนเหมือน นอกจากนี้ จะเป็นแหล่งรวมร้านค้าแบรนด์ดังจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 1,000 แบรนด์ในรูปแบบแฟลกชิปสโตร์ขนาดตั้งแต่ 300-3,000 ตร.ม. ซึ่งหลายร้านเป็นร้านค้าที่มาเปิดในดิ เอ็มควอเทียร์ และดิ เอ็มสเฟียร์เป็นแห่งแรกในเอเชีย และอีกหลายร้านเปิดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
การลงทุนครั้งใหญ่ของกลุ่มเดอะมอลล์ในครั้งนี้ ไม่เพียงรองรับตลาดในเมืองไทยที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ยังรวมถึงการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญที่จะยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการช็อปปิ้งและท่องเที่ยวที่สำคัญในเอเชีย และการสร้างเศรษฐกิจใจกลางย่านสุขุมวิทแห่งนี้สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นจาก 25 ล้านคน เป็น 40 ล้านคนภายในห้าปี และสุขุมวิทจะเป็นจุดหมาย (Iconic Tourist Destination) ที่สำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาร่วมลงทุนในประเทศไทยอีกด้วย
Partner : ประชาชาติธุรกิจ