กรุ๊ปเอ็ม (Group M) บริษัทบริหารจัดการการลงทุนสื่อชั้นนำของประเทศไทย ร่วมกับ เอ็มอินเตอร์แอ็คชั่น (mInteraction) เอเจนซี่ดิจิตอลในเครือกรุ๊ปเอ็ม จัดงานสัมมนาดิจิตอลประจำปีในชื่อ FOCAL 2014 นำเสนอ 4 เทรนด์ดิจิตอลสำคัญสำหรับปีนี้ เพื่อชี้ช่องทางใหม่ๆสำหรับแบรนด์และเอเจนซี่ซึ่งจะช่วยกำหนดทิศทางอนาคตของโลกดิจิตอลในประเทศไทย และ การเข้าถึงจิตใจของผู้บริโภคในยุคสื่อรูปแบบใหม่ที่มีการใช้สื่อแบบผสานกันมากขึ้น Brand Buffet สรุปไว้ดังนี้
ศิวัตร เชาวรียวงษ์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท เอ็มอินเตอร์แอคชั่น จำกัด กล่าวว่า ตัวเลขการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดดิจิตอลในประเทศไทย แม้ว่าต้นปี 2014 จะมีสถานการณ์การเมืองก็ตามสื่อดิจิตอลยังคงเติบโตสวนกระแสสื่ออื่นๆ โดยคาดการณ์ว่าจะเติบโต 38.02% จากปี 2013 ถึง 2014 ซึ่งเม็ดเงินประมาณ 4.28% ของสื่อโฆษณาทั้งหมด
1. Online Video กำลังกลายเป็นสื่อกระแสหลัก
ความนิยมในสื่อวิดีโอออนไลน์สูงมากขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ จนมีผู้ชมจนในระดับที่เรียกว่า Critical Mass (สามารถเข้าถึงผู้ชมใกล้เคียงกับสื่อแมส Mass) ทั้งในแง่ของจำนวนชั่วโมงรับชมและจำนวนผู้ชม เนื่องจากการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงที่มากขึ้น ต้องการคอนเท้นท์ที่หลากหลายและคมชัด และประกอบกับผู้ผลิตหรือเจ้าของคอนเท้นท์ลิขสิทธิ์ต่างเปิดช่องรับชมทางออนไลน์มากขึ้น เช่น แอพลิเคชั่น AIS Mobile BPL ดูพรีเมี่ยมลีคสดผ่านมือถือ เป็นต้น
ปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้วีดีโอออนไลน์จึงกลายเป็นของเล่นใหม่ของนักการตลาดไปโดยปริยาย (เดิมทีวีดีโอออนไลน์ใช้เพียงเข้าถึงคนเฉพาะกลุ่ม แต่ปัจจุบันกลับมาใช้ใกล้เคียงสื่อ Mass) ตัวอย่างเช่น การนำโฆษณาทีวีปกติมาลงเผยแพร่ในช่องวีดีโอออนไลน์ หรือ มิวสิควีดีโอเพลง “ขอใจแลกเบอร์โทร” หรือ ซีรีย์ “ฮอร์โมน” ที่มียอดชมสูงว่าสื่อ Mass ปกติเสียอีก ดังนั้นวีดีโอออนไลน์กำลังจะกลายเป็นสื่อหลัก
2. “โทรศัพท์มือถือ” ศูนย์รวมทุกสิ่ง
“โทรศัพท์มือถือ” เป็นยิ่งกว่ายุคใหม่ของคอมพิวเตอร์ และก็กำลังเริ่มเป็นสื่อหลักเช่นเดียวกับ “วีดีโอออนไลน์” โทรศัพท์สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต(Mobile Devices)กลายมาเป็นศูนย์กลาง และศูนย์รวมของการบริโภคสื่อแบบหลายช่องทาง ความนิยมในการใช้โปรแกรมแชท โซเซียลมีเดีย และแอพพลิเคชั่นจะผลักดันให้มีการพัฒนาระบบปฎิบัติการให้ชาญฉลาดมากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันนี้มีผู้ใช้แอพพลิเคชั่น Line ถึง 23 ล้านคนในประเทศไทย และประชากรในโลกออนไลน์กว่า 93.9% มีการเข้าชมเว็บไซต์ประเภทโซเซียลเน็ตเวิร์ค
ดังนั้นนักการตลาดต้องทำแคมเปญที่สามารถใช้งานผ่าน โทรศัพท์สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เกาะติดมือถืออยู่ตลอดเวลาและ Always on Mobile
ตัวอย่างเช่น ตลาดดอทคอมที่ทำสติกเกอร์ Line แจกฟรี เพื่อดึงผู้บริโภคเข้าสู่ร้านค้าออนไลน์ หรือช่องทาง Line Flash Sale ที่ค่อนข้างสร้าง Conversion ได้ดี
3. ดิจิตอล สู่ ‘PHYGITAL’
แคมเปญดิจิตอลที่ใช้เพียงสื่อดิจิตอลเดี่ยวๆ อาจจะไม่สามารถดึงดูดผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เท่ากับการใช้สื่อที่จับต้องได้ในชีวิตประจำวันมาผสมผสานเข้าไปด้วย ซึ่งคล้ายๆกับการทำ Integrated campaign แต่ต้องใส่ความเป็นจริงที่ผู้บริโภคสัมผัสได้เข้าไปด้วยในดิจิตอลแคมเปญนั้นๆ หรือที่เรียกว่า สื่อ ’PHYGITAL’ (Physical + Digital)
ตัวอย่างเช่น แคมเปญ Share A Coke ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในปี 2013 นำเอากระป๋องโค้กที่จับต้องได้จริงมาผสมให้อยู่กับดิจิตอลได้ด้วย
4. การตลาดแบบ Real-time (Marketing) และ Optimization
ผู้ให้บริการ E-commerce หลายเจ้า เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้ถูกที่และถูกเวลามากที่สุด เนื่องจากตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้นรวมถึงสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ผลักดันให้นักการตลาดต้องวางกลยุทธ์โดยยึดยอดขายเป็นหลัก จึงมีการจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานเว็บไซต์และนำข้อมูลเหล่านั้นกลับมาใช้เพื่อโฆษณากลับผู้ใช้งานอย่าง Real-time เพื่อให้ใช้งบประมาณโฆษณามีประสิทธิภาพสูงสุด
ตัวอย่างเช่น เมื่อเข้าเว็บไซต์ Zalora จะถูกบันทึกข้อมูลทุกอย่างๆที่ได้กระทำในเว็บไซต์ ทั้งช่วงเวลา ประเภทของสินค้าที่เลือกชม ซื้อสินค้าอะไรไปแล้วบ้าง เป็นต้น ถ้าหากยังไม่ซื้อสินค้า แบนเนอร์โฆษณาของสินค้าๆนั้นจะไปปรากฏในเกือบทุกเว็บที่เข้า (Re-marketing) ท้ังนี้เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจดจำ และส่งไปถึงการสั่งซื้อ หรือ ร้านพิซซ่าที่ยิงโฆษณาแบนเนอร์ แบบระบุช่วงเวลาหรือรสชาติของตามชอบของผู้บริโภคได้ด้วย (นิคลาส สตอลเบิร์ก ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เอ็ม อินเตอร์แอคชั่น กล่าวปิดท้าย)
สรุป
เทรนด์ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงการกำหนดภาพรวมของสื่อดิจิตอลในปี 2557 ที่รูปแบบใหม่ของความบันเทิง ความหลากหลายของเนื้อหาสื่อ และการสร้างประสบการณ์ที่ดีจากแบรนด์สู่ผู้บริโภคจะทวีความสำคัญมากขึ้น ส่งผลให้ความคาดหวังที่จะได้รับประสบการณ์ที่ดี และสะดวกรวดเร็วจะทวีคูณขึ้นเช่นกันนอกจากนั้นการเริ่มต้นของเทคโนโลยี 4G ในประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของการสื่อสารทั้งในแวดวงธุรกิจ การศึกษา การสาธารณสุข การเงิน และแวดวงอื่นๆ อีกมากมาย แบรนด์จึงต้องเพิ่มความสามารถและศักยภาพเพื่อที่จะเข้าใจพฤติกรรม และไลฟ์สไตล์ใหม่ของผู้บริโภคที่กำลังก้าวเข้าไปในยุคดิจิตอลอย่างเต็มตัว
FYI :
เกี่ยวกับเอ็มอินเตอร์แอ็คชั่น
เอ็มอินเตอร์แอ็คชั่น เอเจนซี่ดิจิตอลชั้นนำของประเทศไทยในเครือกรุ๊ปเอ็ม ให้บริการให้คำปรึกษาและวางแผนโฆษณาผ่านสื่อดิจิตอลอย่างครบวงจร โดยมีความเชี่ยวชาญระดับมืออาชีพด้านการซื้อสื่อ วางแผนสื่อ ควบคุมการผลิตและลงโฆษณา งานครีเอทีฟ โซเชียลมีเดีย เครื่องมือค้นหาออนไลน์ ( Search Engine ) อีเมลล์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ การสร้างกระแสในโลกดิจิตอล การทำการตลาดผ่านบล๊อก และบริการอื่นๆ อีกมากมาย ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อดิจิตอลอย่างแท้จริงกว่า 160 ชีวิต เอ็มอินเตอร์แอ็คชั่นมั่นใจว่าเราสามารถสร้างประสบการณ์การตลาดในสื่อดิจิตอลแก่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการศึกษาค้นคว้าความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค ก่อนพัฒนาสู่การวางแผนกลยุทธ์ที่เหมาะสมและควบคุมคุณภาพงานให้สำเร็จลุล่วงอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
เกี่ยวกับกรุ๊ปเอ็ม
กรุ๊ปเอ็ม ผู้นำการบริหาร และจัดการธุรกิจสื่อสารการตลาด บริษัทแม่ของกลุ่มเอเยนซี่ WPP ซึ่งมีบริษัทในเครืออาธิเช่น เเม็กซัส เอ็มอีซี มีเดียคอม และมายด์แชร์ โดยมีจุดมุ่งหมายคือการพัฒนาการปฎิบัติงานของบริษัทในเครือ WPP ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อลูกค้า ผู้ถือหุ้น รวมถึงพนักงานทุกคนในบริษัท ผ่านการบริหาร และทำงานร่วมกับบริษัทต่างๆ ในเครือ ทั้งในด้านการซื้อพื้นที่สื่อ การสร้างสรรค์เนื้อหาสื่อ การจัดการสื่อดิจิตอล การเงิน การสร้างเครื่องมือทางการตลาด และความสามารถต่างๆ ที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ โดยทุกบริษัทในเครือกรุ๊ปเอ็มมีระบบปฎิบัติการสากลและต่างเป็นบริษัทแถวหน้าในแวดวงของตน กรุ๊ปเอ็มมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรบุคคลทั้งด้านความคิดสติปัญญาและลงมือการปฎิบัติงานเพื่อการซื้อขาย การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ และการให้บริการด้านการสื่อสารที่ล้ำหน้า รวมถึงสร้างผลประโยชน์สูงสุดให้แก่ลูกค้าและบริษัทด้วย