ในปัจจุบัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสื่อโซเชียล หรือ Social Media เป็นองค์ประกอบสำคัญสู่ความสำเร็จของแบรนด์ ธุรกิจส่วนใหญ่มักลงทุนทั้งเงินตราและเวลาอย่างมากมาย เพื่อให้ตนเองเติบโตในช่องทางการสื่อสารนี้ ไม่ว่าจะเป็นกิจการขนาดเล็กหรือใหญ่ การสร้างความสัมพันธ์กับทั้งผู้บริโภคหน้าเก่าและหน้าใหม่จึงเลือกใช้สื่อโซเชียลเป็นช่องทางหนึ่งเสมอ อย่างไรก็ตาม แม้สื่อโซเชียล จะดูเหมือนเป็นช่องทางที่ง่ายดาย สะดวกรวดเร็วและต้นทุนต่ำ สามารถโฆษณาผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ขึ้นกระดานข่าว (news feeds) ของกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง ทว่า การดำเนินกลยุทธ์ผ่านทางสื่อดังกล่าว คืองานที่ยากเอาการทีเดียว หลายๆเคสต่างผิดพลาดล้มเหลวมานักต่อนัก วันนี้ เราจะมาสรุปข้อควรระวังหลักๆ ที่อาจทำให้คุณต้องซ้ำรอยแผลที่เคยเกิดขึ้นกับการดำเนินกลยุทธ์สื่อโซเชียล
1.ไม่มีนโยบายและการวางแผน
ในขณะที่โซเชียลมีเดียไม่ต่างอะไรกับพรจากสวรรค์ กลับกันมันก็สามารถกลายเป็นหายนะได้ทุกเมื่อหากคุณปราศจากการเตรียมความพร้อม วิธีการหนึ่งซึ่งจะหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่ไม่น่าเกิดขึ้น ก็คือ การกำหนดนโยบายและวางแผนสื่อโซเชียลให้ชัดเจน ควรจะให้รายละเอียดข้อมูลที่เป็นแนวทางให้กับพนักงาน บอกถึงวิถีที่ควรปฏิบัติบนโลกออนไลน์ ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากโลกแห่งความเป็นจริง แต่ถ้าหาก ไร้ซึ่งไกด์ไลน์ที่ตรงประเด็น พนักงานก็มีโอกาสเกิดความผิดพลาดจนอาจแก้ไขได้ยาก หากการกระทำดังกล่าวได้ทำลายภาพลักษณ์หรือชื่อเสียงขององค์กรลงไปแล้ว
2.โพสต์มากจนเกินไป
แน่นอน สาเหตุที่มีคนตามบริษัทของคุณผ่านทาง Twitter หรือ Facebook ก็เพื่อต้องการอัพเดตข่าวสารต่างๆ ทว่า มันอาจให้ผลในทางตรงข้าม หากหน้า news feeds หรือไทม์ไลน์ ของพวกเขา เต็มไปด้วยเรื่องราวของบุคคลหรือองค์กรหน้าเดิมๆ การโพสต์หรือสื่อสารอะไรผ่านช่องทางสื่อโซเชียลที่มากจนเกินไป จึงเป็นวิถีทางที่ทำลายผู้ติดตามของเราไปโดยไม่รู้ตัว เช่นกันกับที่หลายๆธุรกิจใช้การอัพเดตแบบอัตโนมัติก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่เสี่ยง วิธีที่ดีที่สุดคือการกำหนดผู้ดูแลให้ทำหน้าที่ในนามของบริษัทคอยอัพเดต ภายใต้ช่วงเวลาและบริบทที่เหมาะสม แต่ก็ต้องไม่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกถูกคุกคามมากจนเกินไป
3.ใช้ช่องทางหลากหลายรูปแบบจนเกินไป
ถือเป็นโอกาสอันดีของกิจการต่างๆที่มีช่องทางสื่อสารให้เลือกสรรมากมายในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม หากทำการกระจายหรือสื่อสารมากช่องทางจนเกินไป ก็อาจทำให้การดำเนินกลยุทธ์โซเชียลมีเดียไม่ได้ผลเท่าที่ควร เนื่องจากจะต้องมาเสียทรัพยากรไปกับสื่อที่ไม่ได้สร้างประโยชน์ต่อบริษัทสักเท่าไหร่ ควรเริ่มต้นที่ทีมวิจัย เพื่อค้นหารูปแบบหรือช่องทางที่เราควรโฟกัสเต็มที่ ปัจจัยอันดับแรกที่ต้องคำนึงถึงเลยก็คือ มันเป็นช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคหรือลูกค้าคาดหวังของเราหรือเปล่า ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วรูปแบบหรือช่องทางที่ควรใช้จึงอยู่ที่ประมาณ 3 รูปแบบ เท่านั้นเอง
4.การสื่อสารที่ไม่ดี
ทุกวันนี้ โซเชียลมีเดียถือเป็นรูปแบบการสื่อสารที่ทันสมัย และที่สำคัญ มันเป็นการสื่อสารที่จำเป็นต้องมีสองทาง ทั้งฝ่ายผู้สื่อสารไป และฝ่ายผู้รับสารก็สามารถสื่อสารกลับมา โซเชียลมีเดียจึงไม่ได้เป็นแค่การโฆษณา แต่มันยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ต่อผู้บริโภค เพื่อรับทราบฟีดแบ็คอีกทางหนึ่ง โซเชียลมีเดียเป็นโอกาสที่จะทำให้แบรนด์ของคุณมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น ท่ามกลางยุคสมัยที่ความเป็นมนุษย์ลดน้อยถอยลงไปในตัวผู้คน หากขาดซึ่งสิ่งนี้ โซเชียลมีเดียก็คงไม่ต่างอะไรกับระบบอัตโนมัติ ที่ขาดจิตวิญญาณและชีวิตชีวา
5.ให้ความสำคัญกับปริมาณมากกว่าคุณภาพ
การได้เห็นจำนวนผู้ติดตามพุ่งสูงขึ้น ย่อมเป็นรางวัลของการทำงานตรากตรำ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า จำนวนผู้ติดตามที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้แปลว่า มันจะนำมาซึ่งยอดขายที่มากขึ้นตาม โลกโซเชียลมักเกี่ยวข้องกับกระแสสังคมในขณะนั้นเสมอ ดังนั้น มันจึงเป็นข้อควรระวัง และให้เราควรตระหนักไว้อยู่เสมอ ว่าควรมีผู้ติดตามซึ่งสนใจในตัวผลิตภํณฑ์ของเราอย่างแท้จริงด้วย การที่ธุรกิจมองไปที่ตัวเลขเพียงอย่างเดียวไม่อาจทำให้พวกเขาไปได้ไกล ทว่า หากสามารถก่อร่างสร้างความจงรักภักดีที่เหนียวแน่น นั่นต่างหากที่จะเป็นกุญแจในไปสู่กำไรในระยะยาว
แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่ได้กล่าวไปก็เป็นเรื่องสำคัญและส่งผลกระทบอย่างรุนแรงได้ ความผิดพลาดเล็กๆสามารถทำให้ทั้งบริษัทชื่อเสียงพินาศย่อยยับได้เลย แค่เพียงปลายนิ้วสัมผัส
ที่มา: socialmediafrontiers