บริษัท สิงห์คอร์เปอเรชั่น จํากัด เปิดตัวเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ชนิดพร้อมดื่ม(ready-to-drink) ผลิตภัณฑ์ใหม่ ชื่อว่า “ไซเดอร์เบย์” (Syder Bay) ซึ่งจะมาจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบลองอะไรใหม่ๆ โดยมี ฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการตลาด สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ให้ข้อมูล Brand Buffet พามาทำความรู้จักแบรนด์นี้มีที่มาที่ไปอย่างไร
1. “ไซเดอร์เบย์” (Syder Bay) ถือเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มแอลกอฮอล์ใหม่ ทั้งๆ ที่ค่ายสิงห์ไม่ได้เปิดตัวสินค้าในกลุ่มนี้มานานราว 10- 15 ปีแล้วครั้งล่าสุดก็คือ “สิงห์ไลท์” โดยโปรดักท์นี้สิงห์ใช้เวลาพัฒนาประมาณ2 ปี
2. “ไซเดอร์เบย์” เป็นสินค้า”ค็อกเทลพร้อมดื่ม” ซึ่งไม่มีใครทำตลาดอย่างจริงจังมาก่อน ทั้งๆ ที่ค็อกเทลมีขายอยู่ในทุกร้านสไตล์กินดื่ม แต่มีเพียงชื่อเรียกเครื่องดื่มชนิดนั้นเท่านั้น สิงห์จึงขอเป็นเจ้าแรกที่สร้างแบรนด์ให้กับเครื่องดื่มแคททริกอรี่ใหม่นี่
3. กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์นี้ คือ ผู้หญิงและผู้ชาย อายุ 20 ปีขึ้นไปที่มีพลังความคิดสร้างสรรค์ มีความต้องการที่จะเรียนรู้และทดลองสิ่งใหม่ๆ เลือกที่จะเป็นคนที่สนุกสนาน มองโลกในแง่ดี และเลือกทำทุกอย่างที่ทำแล้วมีความสุขไปกับมัน พร้อมเติมเต็มความมีชีวิต ชีวา
4. ภาพลักษณ์ของการดื่มค็อกเทลดูเบากว่าการดื่มเบียร์ สิงห์จึงมองว่าเป็นทางเลือกที่จะทำตลาดกับคนรุ่นใหม่ ประกอบกับการทำตลาดเบียร์มีปัญหาซับซ้อนมากมาย เช่น โครงสร้างภาษี ทำให้สิงห์ต้องมองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาในพอร์ตเพื่อสร้างการเติบโตต่อไป
5. คำว่า “ไซเดอร์” เป็นการสื่อความหมายถึงแอลกอฮอล์ชนิดที่เรียกว่าไซเดอร์ (Cider) ซึ่งเป็นแอลกอฮอลล์ที่หมักจากผลไม้ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ไม่สูงมาก จึงเหมาะสำหรับการดื่มในวันสบายๆ
6. สโลแกนว่า “Be Your Own Sun” สื่อความหมายถึงความรู้สึกสดชื่นที่คุณสามารถมอบให้กับตัวคุณเองได้เมื่อได้ดื่มไซเดอร์ เบย์ เครื่องดื่มที่เติมความสดชื่นให้กับคุณได้ในทุกเวลาของวัน
7. โลโก้ของ “ไซเดอย์ เบย์” เป็นรูปพระอาทิตย์ เพราะความหมายของพระอาทิตย์ของทุกชาติที่ความคล้ายคลึงกัน คือ สื่อถึงการเริ่มต้นใหม่ ความท้าทาย ซึ่งเป็นความหมายที่ดี โดยออกแบบอิงมาจากพระอาทิตย์ที่วาดโดย ลีโอนาโด ดา วินชี่ แล้วดัดแปลงเล็กน้อย ทำให้เป็นรูปที่คุ้นตา จำได้ง่าย เหมาะกับการไปทำตลาดในต่างประเทศด้วย เพราะว่าเครื่องดื่มประเภทนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ส่วนในเอเชียก็เริ่มรู้จักกันมากขึ้น ภายในปีหน้าสิงห์มีแผนจะบุกตลาดประเทศในเอเชียแล้ว จึงเป็นที่มาของภาพยนตร์โฆษณาที่ถ่ายทำใน 3 ประเทศ ได้แก่สิงคโปร์ฮ่องกงและญี่ปุ่น
8. มีให้เลือก 3 รสชาติ ได้แก่ Pop ( Apple) ที่ให้ความรู้สึกสนุกสนานเหมือนได้แฮงก์เอาท์กับเพื่อนๆ พร้อมกับฟังเพลงป๊อบเพราะๆ ตลอดเวลา Reggae (Peach) ที่เสนออารมณ์เปรี้ยวอมหวานแบบเร็กเก้ที่คุณไม่อาจห้ามใจให้ขยับเนื้อขยับตัวโยกไปตามเพลงได้ และ Jazz (Red Berry) ที่ให้ความรู้สึกหวานหอมและสดชื่นเหมือนฟังเพลงแจ๊สเบาๆ อยู่ริมทะเล
9. วางจำหน่ายที่ เซเว่น อีเลฟเว่นทุกสาขา ซุปเปอร์มาร์เก็ต ,คอนวิเนี่ยน สโตร์ และร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ ในขนาดบรรจุภัณฑ์แบบขวดแก้วขนาด 275 มิลลิลิตร มีปริมาณ แอลกอฮอลล์ 3.5% ในราคาขวดละ 32 บาท โดยสัดส่วนการขายจะแบ่งเป็น ในร้านอาหารและในรา้นค้าทั่วไป 50-50
10. ปีนี้สิงห์ใช้งบประมาณ 60 ล้านบาทสำหรับการทำตลาด โดย 30% เป็นช่องทางดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง ส่วนปีหน้าจะเพิ่มเป็น 80 – 120 ล้านบาท คาดหวังว่าภายในปีหน้าแบรนด์น่าจะเป็นที่รู้จักในตลาดเมืองไทย และภายใน 5 ปี ก็น่าจะเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งที่เป็นสินค้าหลักในพอร์ตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์