ถ้าย้อนไปเมื่อ 6 ปีก่อน งาน Big Mountain ที่ป๋าเต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม กรรมการผู้จัดการ สังกัดเกเรในเครือแกรมมี่ ต้องเดินสายชี้แจงว่า เทศกาลดนตรีมันคืออะไร แต่สำหรับปีนี้ป๋าเต็ดแทบไม่ต้องอธิบายอีกแล้ว เพราะความเข้าใจที่ผู้บริโภคมีมากขึ้น ด้วยชื่อเสียงและผู้ที่ผ่านประสบการณ์งานคอนเสิร์ตนี้มีมากมาย แต่แบรนด์ “Big Mountain” ก็มีเรื่องราวมากมายที่ต้องแต่งเติมให้มีสีสันอยู่ตลอด อะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้คอนเสิร์ตหนึ่งที่มีผู้ชมถึงคราวละ 70,000 คน ยังเป็นเรื่องน่าสนุกอยู่สำหรับวัยรุ่น ป๋าเต็ดมีคำตอบ
เรื่องเดิมที่มีสตอรี่
ป๋าเต็ด เริ่มต้นด้วยการบอกว่าการทำคอนเสิร์ต Big Mountain มี 2 ส่วนที่ต้องทำควบคู่กันไป 1.Facilities ที่ต้องปรับปรุงอยู่เรื่อยๆ 2. สีสันของงาน ซึ่งวันส่วนนี้ เป็นส่วนที่มีเรื่องราวใหม่ๆ เข้ามาตลอดอยู่แล้ว ตามกระแสว่านักร้องคนไหนดั งเพลงไหนกันละฮิตก็เลือกเติมเข้ามา แต่ Big Mountain กลับเป็น Show Biz สำหรับวัยรุ่นที่ต้องการความดั้งเดิมอยู่ต่างหาก
“มันไม่ได้ต้องการการรีเฟรชแบบรุนแรง เพราะจากการทำรีเสิร์ชของเราพบว่า 40% ของคนที่มา เขามาเป็นครั้งแรก นั่นแปลว่าเรากำลังพูดถึงคนประมาณ 20,000 คนเลยทีเีดยว เขาฟังเพื่อนเขาพูดถึงข้าวไข่เจียว เพื่อนพูดถึงเวทีต่างๆ แล้วเขาอยากมาสัมผัสด้วยตัวเอง เราก็แค่คงสิ่งที่แข็งแรงเอาไว้ แล้วไล่ตามสิ่งที่เป็น Pop Culture ก็พอ เวทีเดิมๆ ก็พัฒนาตัวเองขึ้น เทศกาลดนตรีใหญ่ๆ ทั่วโลกก็เป็นแบบนี้หมด เวทีเดิม ดีไซน์แทบจะเหมือนเดิมเลยด้วยซ้ำ”
ประชดจนได้เรื่อง
ไม่ใช่แค่เวทีต่างๆ เท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไปไม่มาก ผู้สนับสนุนหลักก็เป็นอีกอย่างที่รู้กันดีว่า Big Mountain เป็นพื้นที่ของเป๊ปซี่ ซึ่งในปีนี้แคมเปญใหญ่ของเป๊ปซี่ก็อาศัยแนวคิดประชดประชันจนกลายเป็นเรื่งสนุกๆ กับแคมเปญ “Pepsi V.I.P Pass ซ่ายกก๊วนป่วนมันใหญ่มาก” กติกาก็มีอยู่ว่าผู้โชคดีต้องร่วมก๊วนเพื่อน 4 คนถ่ายรูป แล้วถือสินค้าเป๊ปซี่หรือเลย์ แล้วถ่ายรูปแชร์ทางเฟซบุ๊คหรืออินสตาแกรมพร้อม #PEPSIVIPBMMF รูปไหนถูกใจคณะกรรมการที่สุดก็รับรางวัล เป็นที่พักพร้อมบริการสุดหรูตลอดทริปการเดินทางไปดูคอนเสิร์ตนี้ ซึ่งป๋าเต็ดเล่าให้ฟังว่ามาจากการทำรีเสิร์ชอีกเช่นกัน ที่พบว่าคนดูอยากได้ความสะดวกสบายมากที่สุด ก็เลยจัดให้แบบประชดไปเลย เพราะคนที่ได้รางวัลจะได้ที่พักติดแอร์ใจกลางคอนเสิร์ต มีคนดูแลทำความสะอาด รักษาความปลอดภัย แล้วเติมเครื่องดื่มกับขนมในเครือเป๊ปซี่กับเลย์ชนิดไม่อั้น ตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากบ้านไปดูคอนเสิร์ตจนถึงส่งกลับบ้าน
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกของเป๊ปซี่ที่จะดึงเอาพลังของเลย์ ซึ่งเป็นแบรนด์ขบเคี้ยวอันดับ 1 มาเสริมทัพ ภายใต้กลยุทธ์ “Power of One” มีซุ้มกิจกรรมที่มุ่งโปรโมตสินค้าในกลุ่ม “เลย์ แมกซ์” มันฝรั่งแผ่นยักที่มีภาพลักษณ์ของการทำอะไรเต็มแมกซ์ ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของงาน
โดยงานนี้ผู้โชคดีไม่ได้มี Commitment อะไรว่าผู้โชคดีที่ได้รับรางวัล แล้วจะต้องแชร์ หรือเขียน หรือถ่ายรูปอะไรให้กับทางเป๊ปซี่เลย แต่ป๋าเต็ดก็คอมเมนต์ว่า “เชื่อเถอะคนที่ได้รางวัลเขาถ่ายรูปทุกมุม โพสต์ตลอดเวลาอยู่แล้วเป็นธรรมชาติ ได้ขนาดนี้ก็ต้องอยากอวด” นี่แหละคือเสน่ห์ของ Big Mountain ที่ป๋าเต็ดหยิบเอาจุดอ่อนของตัวเองมาทำให้กลายเป็นเรื่องสนุกให้กับสปอนเซอร์ได้อีก
อย่าโกหกตัวเอง
ถึงแม้ว่าเพิ่งจะล้มและบาดเจ็บอย่างหนักกับคอนเสิร์ต บอดี้สแลม ดัม-มะ-ชา-ติ มาไม่นานจนแผลยังไม่ตกสะเก็ดดีด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ทำให้คนดนตรีคนนี้ก็ได้แต่บอกตัวเองว่า “สิ่งที่เราทำมาตลอด คือ ไม่โกหกตัวเองว่าเราพลาดอะไรไป ถ้ามันคือความผิดของตัวเอง เมื่อผิดแล้วก็เรียนรู้ อย่างที่สอง ก็คือ ไม่โกหกคนอื่น อย่ากลบเกลื่อน เดี๋ยวนี้ Social Media มันจะทำให้ความลับ ซึ่งไม่เคยมีอยู่ในโลกอยู่แล้ว ถูกตีแผ่ออกมาได้เร็วขึ้นภายในไม่กี่วัน แต่ถ้าเราจริงใจ ทุกอย่างมันจบทันที แล้วก็จะได้เข้าสู่ภาวะปกติเร็วขึ้น แล้วก็ทำงานต่อไป”
คอนเสิร์ตนี้บัตรขายหมดแล้ว ที่เหลือก็คือการกันที่เอาไว้สำหรับทำกิจกรรมกับสปอนเซอร์ทั้งหลาย ดังนั้นคงไม่ต้องกังวลเรื่องคอนเสิร์ตจะล่มอีก แต่เสียงของผู้ชมที่เข้าร่วมงานมากกว่าที่จะเป็นเครื่องสะท้อนว่า ชื่อของ ป๋าเต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม จะหวนคืนสู่เวทีของผู้จัดงานดนตรีแถวหน้าของเมืองไทยได้อีกครั้งหรือไม่