หลังจากห่างหายจาก Beer Park ไปกว่า 3 ปี ในปีนี้ ไฮเนเก้น (Heineken) แบรนด์เจ้าตลาดเบียร์พรีเมี่ยมในประเทศไทย ขอกลับมาจัดมายึดพื้นที่ลานหน้าเซ็นทรัล เวิลด์อีกครั้ง ด้วยการประสบการณ์ใหม่ที่จัดเต็มทั้งดีไซน์ของสถานที่ วงดนตรี อาหาร และที่สุดๆ ก็หนีไม่พ้นเบียร์ไฮเนเก้น รสชาติที่คุ้นเคย และนี่คือ เรื่องน่ารู้ 10 อย่าง ของ Heineken® Pop-up City Lounge ลานเบียร์สุดชิคที่ปีนี้เปิดประสบการณ์ทั้งในสถานที่ และในโลกออนไลน์
1. Heineken® Pop-up City Lounge’ (ไฮเนเก้น ป๊อบอัพ ซิตี้ เลานจ์) เป็นแนวคิดซิตี้เลานจ์สุดล้ำที่ดัดแปลงมาจากแคมเปญระดับโลกของไฮเนเก้น ตั้งอยู่บนนพื้นที่แลนด์มาร์คใจกลางกรุงเทพฯ
2. จุดเริ่มต้นของ Heineken® Pop-up City Lounge เกิดจากแรงบันดาลใจที่ได้รับจากผู้คนทั่วโลกอย่างแท้จริง เนื่องจากไฮเนเก้นได้เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถแชร์ความคิดเห็นเกี่ยวกับเลานจ์ในฝันของตนผ่านทาง อินสตาแกรม จากนั้นจึงร่วมกับ 20 ดีไซเนอร์ดาวรุ่งของวงการทั่วโลก นำแรงบันดาลใจเหล่านั้นมาถ่ายทอด จนเกิดเป็น Heineken® Pop-up City Lounge ที่นำออกแสดงเป็นครั้งแรกในงาน 2014 London Design Festival ประเทศอังกฤษ ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก่อนจะตระเวนไปจัดแสดงในเมืองสำคัญๆ ทั่วโลก
3. ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองของโลกที่ Heineken® Pop-up City Lounge ทำการจัดแสดง และประเทศแรกในเอเชีย
4. ปีนี้นอกจากการจับจองโต๊ะด้วยวิธีการ walk-in เหมือนที่เคยเป็นมาแล้ว ยังมีระบบการจองออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่นในเฟซบุ๊ค
5. สาเหตุที่ไฮเนเก้นเปิดให้ลูกค้าจองโต๊ะในรูปแบบออนไลน์นั้น เนื่องจากพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายหลักกลุ่มคนเมืองยุคใหม่ ซึ่งมีการใช้โซเชียลมีเดียและบริโภคคอนเทนต์ต่างๆ ผ่านทางสมาร์ทโฟนเป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้นการเปิดให้จองโต๊ะแบบออนไลน์ จึงตอบรับกับไลฟ์สไตล์และช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า และไฮเนเก้นยังเป็นรายแรกของวงการที่นำเสนอนวัตกรรมนี้ เพราะจุดยืนของแบรนด์ในการเป็นผู้นำด้านกิจกรรมที่ก้าวล้ำเทรนด์ และมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ไฮเนเก้น
6. ขั้นตอนการจองโต๊ะทางออนไลน์ก็คือ เข้าไปที่แอพพลิเคชั่น https://apps.facebook.com/popupcitylounge/ ใส่ชื่อ อีเมล์ และหมายเลยโทรศัพท์ ซึ่งมีแบบจำลองของสถานที่จริงทำให้ผู้จองเห็นภาพของสถานที่ก่อนเลือกจอง หลังจากนั้นทางไฮนเเก้นจะโทรศัพท์คอนเฟิร์มกับลูกค้าในช่วงบ่ายของทุกวัน ว่ายังยืนยันการจองโต๊ะหรือไม่ โดยสำหรับผู้ที่ยืนยันการจอง จะต้องมารับโต๊ะภายในเวลาที่กำหนดด้วยเช่นกัน นอกจากนี้แอพพลิเคชั่นดังกล่าวยังเป็นช่องทางอัพเดทข้อมูลปาร์ตี้ที่จะเกิดขึ้น
7. นอกเหนือจากประสบการณ์ด้านสถานที่แล้ว “อาหาร” เป็นอีกอย่างที่ถือว่าเป็นตัวชูโรงของไฮเนเก้น เลือกจับมือกับพันธมิตรที่ใช่และมี DNA ที่ตรงกัน นั่นก็คือ S’MORESร้านอาหารชื่อดังใน กรูฟ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ที่ก่อตั้งโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรง และมีสไตล์ที่สดใหม่และเป็นเอกลักษณ์
8. การสร้างสรรค์เมนูของ S’MORES ทำให้เมนูอาหารมีการครีเอทพิเศษ โดยใช้ส่วนผสมของไฮเนเก้น และ Hoptails หรือค็อกเทลผสมไฮเนเก้นที่เป็นซิกเนเจอร์โดยเฉพาะ
9. Signature Menu ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาถึง Heineken® Pop-up City Lounge ก็คือ “Heineken® EXTRA COLD” เบียร์สดเย็นจัดในอุณหภูมิติดลบ ที่มีแค่ 110 ประเทศทั่วโลกเท่านั้น ส่วนฝั่งของอาหารต้องยกให้กับ “ไก่ทอดสมอร์คั่วพริกไทยดำ” ไก่ทอดที่คลุกเคล้าพริกไทยและเครื่องเทศตามสูตรเฉพาะของร้าน S’MORES หรือถ้าอยากสั่งรวดเดียวง่ายๆ แล้วชิลล์นานๆ ก็สั่งเลยเป็นเซ็ต “Open Your World” ซึ่งในเซ็ตจะประกอบไปด้วยเบียร์ 1 ขวด และอาหารอีก 4 อย่างที่ถูกคัดสรรมาแล้วแล้วเข้ากัน
10. ประสบการณ์ซิตี้เลานจ์ระดับเวิลด์คลาส Heineken® Pop-up City Lounge เปิดแล้วตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคมศกนี้ ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
[Advertorial]