ปีนี้คอนเสิร์ตเอาท์ดอร์ท้าลมหนาว Farm Festival On The Hill จัดต่อเนื่องกันมาเป็นปีที่ 3 ในด้านการบริหารจัดการต้องบอกว่าดีขึ้นทั้งเรื่องความเป็นมืออาชีพของทีมงานที่ส่วนใหญ่ใช้คนท้องถิ่น รวมทั้งระบบการเดินรถที่ปีนี้ตัดถนนใหม่ทำให้มีทางเข้า-ออก แต่อย่างหนึ่งที่เหมือนเดิมและไม่มีทางเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาอันใกล้ก็คือ งานนี้เข้า “ฟรี!!!
“มีการพูดคุยกันว่าจะเก็บเงินดีไหม สัก 30 บาทเอามาเป็นค่าจัดการเรื่องห้องน้ำก็ยังดี แต่คุณสันติ(สันติ ภิรมย์ภักดี-กรรมการผู้จัดการใหญ่)ก็ถามขึ้นมาเก็บแล้วไง ไม่เก็บแล้วไง เก็บเงินแล้วเราจะรวยขึ้นมาไหม ถ้าไม่ก็ไม่ต้องเก็บเลยดีกว่า” ฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการตลาด สิงห์ คอร์เปอเรชั่น เล่าและอธิบายถึงแนวคิดของการจัดงานคอนเสิร์ต Farm Festival ว่าเป็น CSR แบบ “Farmomunity” Farm บวกกับคำว่าCommunity หมายถึงการทำฟาร์มที่ทำให้คนมนชุมชนได้ประโยชน์ไปด้วย
90% ของคนที่เข้าชมเป็นคนเชียงราย จะมีคนจังหวัดใกล้เคียงหรือคนกรุงเทพมาร่วมงานเป็นส่วนน้อย จากการคาดการณ์ของ พงษ์รัตน์ เหลือธำรงเจริญผู้จัดการฟาร์มบุญรอด น่าจะมีคนร่วมงานโดยเฉลี่ยคืนละ 20,000 คน
รายได้มาจากการขายสินค้าในเครือสิงห์ กับ ซุ้มเล่นเกมกิจกรรมนิดหน่อย ส่วนพื้นที่ที่ให้ร้านค้ามาขายก็ยังฟรี ทำให้ รายได้ทั้งคืน ยังไม่พอค่าใช้จ่ายที่คว้าตัวร้องร้องอย่าง บุรินทร์, อ๊อฟ-ปองศักดิ์, เบน-ชลาทิศ, Modern Dog, Big Ass, ETC มาด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ในช่วงเวลาเดียวกันยังมีการแข่งขันจักรยานและบอลลูนที่ทำให้กิจกรรมมีความหลากหลายมากขึ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปี
ไร่บุญรอดมีความกว้าง 8,000 ไร่ กินพื้นที่ 3 ตำบลในจังหวัดเชียงรายทุกวันนี้รายได้หลักของไร่มาจากการขายวัตถุดิบเช่น ชา กับผลผลิตทางการเกษตรทางการเกษตรให้กับพ่อค้าที่มารับซื้อถึงไร่ ส่วนการท่องเที่ยวเป็นรายได้ส่วนน้อย เพราะเปิดให้เข้าชมฟรี แต่ก็เพิ่มไฮไลต์เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ เช่น มี วัววาตูซี่ กับยีราฟ และนกแก้วมาคอร์เข้ามาให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะเด็กๆ เข้ามาถ่ายรูป
แต่สิ่งหนึ่งที่ไร่บุญรอดจะไม่มีแน่นอนนั่นคือ โรงแรมหรือรีสอร์ท
“เราอยากมาอยู่ที่นี่แบบเป็นเพื่อนกับคนที่นี่ ลองคิดดูถ้าเราทำโรงแรมขึ้นมา เชื่อว่าคงมีหลายคนที่เดือดร้อน ซึ่งเราไม่อยากทำ เต็มที่ก็อาจจะทำสัก 20 ห้องเพื่อให้พนักงานของเราพักเอง แต่ไม่มีทางเปิดแข่งกับโรงแรมทั้งหลายที่มีอยู่แล้ว” ฉัตรชัยกล่าว
สิงห์เลือกที่จะอยู่แบบไม่ทุบหม้อข้าวตัวเอง เพราะยังต้องอาศัยคนท้องถิ่นในการทำงาน รวมทั้งต้องการให้ไร่บุญรอดกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของเชียงรายที่เป็นหนึ่งใน Destination สำคัญเมื่อมาถึงจังหวัดนี้ เพื่อทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กร (Corporate Image) แข็งแกร่งมากขึ้น และการจะไปให้ถึงจุดนั้นความเป็นพันธมิตรกับคนท้องถิ่นมีความสำคัญอย่างมาก
แรกเริ่มเดิมทีตั้งใจปลูกข้าวบาร์เล่ย์ วัตถุดิบหลักของการทำเบียร์ แต่พบว่าได้ผลผลิตไม่ดีนักจึงปรับไปปลูกพืชอื่น ซึ่งพืชที่ทดแทนที่เข้ามาหลักๆ ก็คือ ชา ที่ปลูกมากถึง 600 ไร่ 1 ใน 3 ใช้สำหรับการทำชาเขียวแบรนด์ “มารุเซ็น” ธุรกิจ Non-Alcohol ล่าสุดของสิงห์ (อ่านต่อที่นี่)