เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน (JWT) บริษัทที่ปรึกษาด้านการสื่อสารการตลาดชั้นนำระดับโลกในเครือดับบลิวพีพี กรุ๊ป ได้ออกรายงานการพยากรณ์ทิศทางการตลาด “10 Years of 10 Trends” ซึ่งเป็นการฉลองครบรอบหนึ่งทศวรรษของการพยากรณ์แนวโน้มประจำปีของบริษัทฯ รายงานฉบับนี้ได้สำรวจแนวโน้มที่จะส่งผลเป็นอย่างมากในระดับมหภาคที่สำคัญที่สุด 10 แนวโน้มซึ่งได้ค้นพบตั้งแต่ที่หน่วยงาน เจดับบลิวที อินเทลลิเจนซ์ (JWTIntelligence) ได้เริ่มการพยากรณ์ประจำปี โดยเป็นแนวโน้มที่จะหล่อหลอมพฤติกรรมและทัศนคติทางสังคมรวมไปถึงจะกำหนดทิศทางธุรกิจในปัจจุบัน จากรายงานแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มเหล่านี้ได้มีการพัฒนาจนถึงปัจจุบันได้อย่างไร และจะมุ่งหน้าไปในทิศทางใดต่อไป
ลูซี่ กรีน เวิลด์ไวด์ ไดเร็คเตอร์ แห่ง เจดับบลิวที อินเทลลิเจนซ์ กล่าว“10 แนวโน้มหลักๆ นี้ เป็นแนวโน้มสำคัญในช่วงเวลาของพวกเรา โดยแนวโน้มเหล่านี้ได้นิยามและให้ความหมายในช่วงเวลาหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมานี้ และส่งผลกระทบต่อทุกๆ แง่มุมของการใช้ชีวิตของผู้บริโภครวมถึงการดำเนินธุรกิจของแบรนด์ต่างๆ และจะยังคงส่งผลต่อเนื่องต่อไปอีกหลายปี”
“เจดับบลิวที อินเทลลิเจนซ์ ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อนด้วยเป้าหมายชัดเจนในการศึกษาและทำความเข้าใจรวมไปถึงการตีความความเปลี่ยนแปลงของทิศทางการตลาดให้แบรนด์ต่างๆ ได้ทราบ” ลูซี่ กรีน กล่าวเพิ่มเติม “การเริ่มต้นในการศึกษาแนวโน้มการตลาดนี้ถือเป็นการบุกเบิกในยุคสมัยนั้น และความสัมพันธ์ต่างๆ ของแนวโน้มเหล่านี้ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องได้เป็นข้อพิสูจน์ชัดเจนถึงความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญของ เจดับบลิวที อินเทลลิเจนซ์ และ เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน โดยรวมทั้งหมด
“10 Years of 10 Trends” เป็นการวิเคราะห์เจาะลึกแนวโน้มต่างๆ ที่ได้เคยพยากรณ์ไว้ก่อนหน้านี้และจะส่งผลในอนาคตอันใกล้ โดยเป็นการย้อนกลับไปพิจารณาแต่ละแนวโน้มจากมุมมองของปี 2015 และต่อๆ ไป แต่ละแนวโน้มมีรากฐานจากข้อมูลเชิงลึกที่เก็บรวบรวมโดย JWT SONAR™ ซึ่งเป็นการสำรวจผู้บริโภคในตลาดต่างๆ 12 แห่ง ประกอบกับความคิดเห็นหลากหลายจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญและนักบุกเบิกในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งทำให้รายงานฉบับนี้ให้ภาพรวมของทั่วโลกได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ นักเขียน และนักบุกเบิกที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงในระดับสากล รวมถึงผู้อำนวยการด้านการวางแผนและศึกษาวิจัยอีกหลายท่านจากเครือข่ายต่างๆ ทั่วโลกของ เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน มาร่วมให้ข้อมูลเชิงลึกแก่รายงานฉบับนี้อีกด้วย
แนวโน้มต่างๆ ในรายงาน “10 Years of 10 Trends” ประกอบด้วย
Everything Is Retail (จากรายงานฉบับ 10 Trends for 2013): ทุกสิ่งอย่างจะเป็นช่องทางเพื่อการค้าปลีกเนื่องจากมีการเชื่อมต่อของโทรศัพท์มือถือที่รวมการเชื่อมโยงระหว่างโลกดิจิตอลและโลกฟิสิคอลไว้ด้วยกัน
และแบรนด์ต่างๆ ได้หาหนทางหลอมรวมโอกาสของการค้นพบสิ่งใหม่ๆ และการซื้อขายเข้าไว้ด้วยกันอีกด้วย
Food as the New Eco-Issue (จากรายงานฉบับ 10 Trends for 2012): “ความยั่งยืน” กำลังกลายเป็นคำที่นิยมกันมากในวงการอาหาร เนื่องจากในปัจจุบันนี้ ผู้บริโภคที่มีการศึกษาดีได้มีความเข้าใจดียิ่งขึ้นว่าอาหารที่เลือกรับประทานจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร รวมไปถึงผู้บริโภค แบรนด์ต่างๆ และภาครัฐจะขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงในทิศทางบวกได้อย่างไรบ้าง
Mobile Device as the Everything Hub (จากรายงานฉบับ 10 Trends for 2009): โทรศัพท์มือถือรวมไปถึงอุปกรณ์การสื่อสารเคลื่อนที่ต่างๆ เป็น “ศูนย์รวมของทุกอย่าง” อย่างแท้จริง เนื่องจากสิ่งต่างๆ ได้เข้าสู่รูปแบบดิจิตอลหรือเชื่อมต่อมากยิ่งขึ้น และผู้คนเริ่มหันมาใช้หน้าจอที่เล็กลงในการรับชมวีดีโอ จับจ่ายใช้สอย ซื้อของ ติดตามดูสุขภาพของตนเอง รวมถึงเรียนรู้ เล่นสนุก และอื่นๆ อีกมาก
Going Private in Public (จากรายงานฉบับ 10 Trends for 2013): ความเป็นส่วนตัวกลายเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนต่างพยายามดิ้นรนหาทางรักษาอัตลักษณ์ของตนเองบนโลกดิจิตอลให้มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ
Buying the Experience (จากรายงานฉบับ 10 Trends for 2007): เนื่องจากมีความต้องการมากขึ้นในการ “ลงมือทำ” แทนที่จะเพียงแค่ “มี” ผู้บริโภคต่างพากันเสาะหาประสบการณ์ที่สดใหม่ แบ่งปันได้ และขยายความได้มากยิ่งขึ้น
De-teching (จากรายงานฉบับ 10 Trends for 2011): ในขณะที่ผู้คนต่อสู้และดิ้นรนอยู่กับบทบาทชีวิตของตนเองบนเทคโนโลยี ซึ่งตระหนักได้ว่าผลกระทบด้านลบจะครอบงำผลกระทบในด้านบวกหากเราไม่หาวิธีที่จะใช้มันอย่างระมัดระวัง
Predictive Personalization (จากรายงานฉบับ 10 Trends for 2013): การวิเคราะห์อภิมหาข้อมูล (Big Data) รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence)และบรรดาเทคโนโลยีใหม่ๆ กำลังสร้างสรรค์วิธีการที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อที่จะคาดเดาและตอบสนองความต้องการของปัจเจกบุคคล
Queen Trumps King (จากรายงานฉบับ 10 Trends for 2008): ผู้หญิงกำลังก้าวไปข้างหน้า อันเนื่องมาจากพลวัตเรื่องเพศได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน และในทางวัฒนธรรม อีกทั้งคนทุกเพศยังมีความมุ่งมั่นอย่างแรงแรงกล้าที่จะทำให้เกิดความเท่าเทียมกันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
Retooling for an Aging World (จากรายงานฉบับ 10 Trends for 2010): ผลกระทบเต็มรูปแบบของลักษณะประชากรที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากยุคประชากรหนุ่มสาวไปสู่ยุคประชากรสูงอายุอาจยังไม่ส่งผลให้รู้สึกได้ชัดเจนนัก แต่แบรนด์ต่างๆ ยังต้องปรับตัวเป็นอย่างมากเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคที่สูงวัยขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังรีแบรนด์เรื่องการสูงวัยด้วยเช่นกัน
Cooperative Consumption (จากรายงานฉบับ 10 Trends for 2008): เศรษฐกิจแบบแบ่งปัน (sharing economy) มีการเติบโตขึ้น และในขณะเดียวกันผลสะท้อนรุนแรงมากขึ้นด้วยเช่นกัน แม้ว่าโมเดลธุรกิจแบบใหม่นี้ได้คุกคามบางแบรนด์ แต่ยังมีแบรนด์อื่นๆ ที่กำลังหาวิธีสุดสร้างสรรค์เพื่อใช้ประโยชน์จากโมเดลธุรกิจนี้
สำหรับรายงานฉบับนี้ เจดับบลิวที อินเทลลิเจนซ์ ได้ดำเนินการสำรวจวิจัยเชิงปริมาณทั่วทั้ง 12 ตลาดเมื่อช่วงวันที่ 20 กันยายน – 3 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยใช้SONAR™ ซึ่งเป็นเครื่องมือออนไลน์กรรมสิทธิ์ของเจดับบลิวที เพื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไปจำนวนทั้งหมด 6,063 คนในประเทศออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา จีน โคลอมเบีย กรีซ อินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น ไทย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้รายงานยังครอบคลุมข้อมูลที่ได้รับจากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายท่านจากทุกภาคส่วนด้วย