ด้วยเหตุที่ตลาดดิจิทัลเติบโตและมีบทบาทสำคัญในการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างมาก บริษัทกว่า 80% จึงมีแผนที่จะเพิ่มงบด้านดิจิทัลระยะยาวมากกว่า 12 ถึง 18 เดือนเลยทีเดียว ผลสำรวจออนไลน์ ‘The Future of Digital Marketing’ สำรวจจากมาร์เก็ตติ้งสายงานดิจิทัลในบริษัท b-to-c และ b-to-b จำนวน 262 คน พบว่าบริษัทเหล่านี้เพิ่มงบประมาณในการทำการตลาดดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง กว่า 40% กล่าวว่าพวกเขามีแผนจะเพิ่มงบดิจิทัล 5-10% และ 32% กล่าวว่ามีแผนจะเพิ่มงบดิจิทัล 10-15% และอีก 9% มีแผนจะเพิ่มงบดิจิตัล 0-5%
“ปัญหาอย่างหนึ่งสำหรับนักการตลาดดิจิทัล คือ การหาคนทำงานที่มีความสามารถอย่างแท้จริงและเขายอมรับข้อเสนอในเรื่องค่าจ้างได้” Laura McGarrity, VP-digital marketing strategy at Mondo กล่าว เนื่องจากตลาดกำลังต้องการคนที่มีความรู้เรื่องดิจิติทัลมาร์เก็ตติ้งมากขึ้น แน่นอนว่าอัตราการ Turn Over ของคนเหล่านี้จึงมีอัตราที่สูงมาก คนเปลี่ยนงานกันบ่อย เพื่อหางานที่ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในสายงานดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง
ผลสำรวจพบว่า การจ้างงานอันดับต้นๆ ขององค์กรในปีนี้คือ digital/social (54%), content creation (44%), big data/analytics (33%) and mobile strategy (30%) ขณะที่นักการตลาดทั่วไปจะมีอัตราการจ้างงานที่น้อยกว่า ผลสำรวจพบว่ามีการจ้างมาร์เก็ตติ้งทั้วไป (ที่ไม่ใช่สายงานดิจิทัล) อยู่ที่ 24% ขณะที่ผลสำรวจพบว่ามี 22% ในการจ้างคนที่รู้เรื่องแบรนด์และสินค้า
ทั้งนี้เมื่อถามนักการตลาดถึงช่องทางที่มีประสิทธิภาพในการเข้าหาผู้บริโภค มีแนวโน้มว่า “มือถือ” จะเป็นช่องทางหลักในการสื่อสาร แม้ปัจจุบันจะมียอดการโต้ตอบจากผู้ใช้งานเพียง 24% แต่คาดว่าอีก 3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นถึง 70%
นอกจากนี้ Video ยังถือป็นสื่อสำคัญในการสร้างความผูกพันบผู้บริโภค ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะมีเปอร์เซ็นสูงขึ้นถึง 61% จากปัจุบันเพียง 13% และช่องทาง Socail Media ที่จะเพิมขึ้นถึง 49% จากเดิมคือ 38%
“ความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญคือ รูปแบบการทำงานในปัจจุบันที่ยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น มีทั้งการทำงานที่อยู่ในระบบเข้าออฟฟิศและการทำงานในรูปแบบฟรีแลนซ์” McGarrity กล่าว “ในอนาคตเราอาจไม่ต้องจ้างพนักงาน Marketing มาเป็นพนักงานประจำก็ได้”
ผลวิจัยพบว่าบริษัทต่างๆ จากเดิมที่เคยจ้างจ้างพนักงานเข้างานประจำเต็มอัตรา 100% แต่ในอีก 12-18 เดือนข้างหน้า คาดว่าจะลดลง 23% ขณะที่จะมีบริษัทอีก 1% จ้างงานแบบ 50/50 กล่าวคือ จ้างพนักงานอย่างละครึ่งระหว่างพนักงานประจำและพนักงานชั่วคราวหรือฟรีแลนซ์ และตัวเลขนี้คาดจะเพิ่มขึ้นอีก 30% ในอีก 12-18 ปี ถัดมา