สมาคมโฆษณาดิจิทัล ประเทศไทย หรือ Digital Advertising Association (Thailand) (DAAT) แถลงผลสำรวจมูลค่าเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลของปี 2557-2558 โดยจัดขึ้นเป็นปี ที่ 3 เพื่อสำหรับนักการตลาดนักโฆษณา ได้ทราบถึงสถานการณ์สื่อดิจิทัล และนำข้อมูลไปปรับใช้กับการวางแผนงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปีนี้ร่วมกับ ทีเอ็นเอส (TNS) บริษัทวิจัยชั้นนำมาร่วมทำสำรวจเพื่อยกระดับคุณภาพของข้อมูล
วิธีการวิจัย (Methodology) เป็นการรวบรวมข้อมูลจากดิจิทัลเอเย่นซี่ชั้นนำ 20 รายในประเทศไทย ซึ่งมีการสำรวจแบบตามประเภทของโฆษณา (Discipline) 9 รูปแบบ ได้แก่ Display , Search , Social , Creative , Mobile , Video , Others และปีนี้แยกเพิ่มเติม คือ Facebook Ads และ Instant Messaging ส่วนการสำรวจอีกแบบ คือ แบบตามอุตสาหกรรม Industry ทั้งหมด 56 อุตสาหกรรม ผลสำรวจมีดังนี้
เม็ดเงินดิจิทัลปี 2014 เติบโตจากปี 2013 (4,248 ล้านบาท) ราว 44% คิดเป็นมูลค่า 6,115 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าปี 2015 จะเติบโตไปถึงมูลค่า 8,134 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 33% โดยคิดเป็น 6-7% เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมโฆษณาทั้งหมด ซึ่งอัตราดังกล่าวถือว่าต่ำหากเทียบกับประเทศอืนๆ เข่น อเมริกา 30% ออสเตรเลีย 30% จีน 20% ดังนั้นเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลของไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 20% ได้ในอนาคต
“ซึ่งเป็นผลมาจากลูกค้าต่างเชื่อมั่นสื่อดิจิทัลมากขึ้น ที่ให้ประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนมากกว่าสื่ออื่นๆ สามารถสร้าง Earn media PR ได้ด้วย พร้อมทั้งสินค้าบางแคตทริกอรี่สามารถนำไปสู่ยอดขายได้จริง จึงทำให้งบดิจิตอลจากที่เคยถูกตัดออกก่อนสื่อแรก ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว” ศิวัตร เชาวรียวงษ์ นายกสมาคม กล่าว
อุตสาหกรรมที่ใช้งบดิจิตอลมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ 1.สื่อสาร 884 ลบ. 2. ยานยนต์ 695 ลบ. 3.สกินแคร์ 424 ลบ. 4. แบงค์ 259 ล. 5. ดูแลเส้นผม 231 ลบ. ขณะที่กลุ่มยานยนต์ มีการเติบโตของงบโฆษณาดิจิทัลสูงสุดในแง่ของมูลค่า (Volume)ที่ 502 ล้านบาท ส่วนกลุ่มน้ำมัน/น้ำมันหล่อลื่น มีการเติบโตสูงสุดในแง่เปอร์เซ้นต์ ที่ 7205% หรือเติบโต 70 เท่า
ส่วนการคาดการณ์ของปี 2015 กลุ่มสื่อสาร และ กลุ่มยานยนต์ จะยังเป็นสองอุตสาหกรรมที่เติบโตสูงสุดในแง่มูลค่า 1,200 ลบ. และ 1,001 ลบ.ตามลำดับ แต่กลุ่มของอสังหาริมทรัยพ์มีแนวโน้มลดลง ส่วนกลุ่มอาหารและผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงเป็นกลุ่มที่จะมีอัตราเติบโตสูงสุด 389%
ส่วนการสำรวจแบบตามประเภทของโฆษณา (Discipline) พบว่า Display Ads หรือ ที่เข้าใจกัน คือ Banner สัดส่วนการใช้งานลดลงมาเรื่อยจากปี 2011 ที่ 48.1% ถึง ปี 2014 เหลือ 28.1% แต่ถือว่ายังเป็นประเภทที่มีสัดส่วนใหญ่ที่สุดจากทั้ง 9 รูปแบบ รองลองมาเป็น Search 21.2% และ Facebook 16.0% ขณะที่ Video มาแรงโตสุด ถึง 14% อาจจะเป็นเพราะการเข้าถึงของ Youtube Thailand ที่ผลักดันให้เกิดการใช้จ่ายมากขึ้น พร้อมทั้งเว็บ Portal ต่างๆนำวีดีโอมานำเสนอมากขึ้น และอีกหนึ่งไฮไลท์ คือ Instant Messaging ที่โตเพราะ LINE สัดส่วนอยู่ที่ 3.60%
นอกจากนี้ยังมีการสำรวจเพิ่มเติมพบว่า ลูกค้าเตรียมเพิ่มงบประมาณด้านสื่อดิจิตอลเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30% มีจำนวนถึง 75% และสอบถามไปยังวัตถุประสงค์ของการใช้สื่อดิจิตอล คือ 1. Brand Awareness 86% 2. Engagement 81% 3. Sales 62%
ดูแบบ Infographic
Full Report สามารถติดต่อขอดาวน์โหลดได้ที่นี่
เย้ๆๆ อีกหนึ่งช่องทางรับข่าวสารกับ Brand Buffet ผ่าน LINE ไม่ตกหล่นทุกข่าวสำคัญ
เพิ่มเพื่อนรัวๆ ที่ ID : @brandbuffet