บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมยาคุณภาพของไทยและของโลก จัดงานเสวนาเชิงวิชาการเรื่อง “รู้ทัน…ป้องกันโรคปอดบวม” เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายของโรคปอดบวม พร้อมรณรงค์สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับแนวทางการป้องกัน เพื่อลดสถิติผู้ป่วยโรคปอดบวม ซึ่งเป็นปัญหาสาธารณสุขระดับประเทศอยู่ในขณะนี้ หลังมีรายงานจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวง-สาธารณสุข ช่วง 1 มกราคม – 4 สิงหาคม 2556 พบผู้ป่วยโรคปอดบวม 99,670 รายทั่วประเทศ และเสียชีวิตแล้ว 581 ราย โดยกลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุดคือ ผู้ใหญ่วัย 65 ปีขึ้นไป ที่พบมากถึง 30.5%1
มร. คริสเตียน มัลเฮอร์บี ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ไฟเซอร์มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี เราค้นคว้าวิจัยนวัตกรรมยาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลสุขภาพของคนไทยและทั่วโลก สำหรับโรคปอดบวมที่เป็นปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงและอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ online casinos ซึ่งคุกคามผู้คนอยู่ในขณะนี้ เราเห็นความสำคัญในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับแนวทางในการป้องกันโรค จึงจัดรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับแนวทางการป้องกันโรคปอดบวมและการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับ ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง”
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ธีระพงษ์ ตัณฑวิเชียร ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ กล่าวว่า “โรคปอดบวมเป็นเสมือนภัยเงียบที่คนส่วนใหญ่ไม่ทันได้ตระหนักและระวังตัว เนื่องจากอาการระยะเริ่มต้นมีความ-คล้ายคลึงกับการเป็นไข้หวัด อันที่จริงแล้ว โรคปอดบวมมีความสัมพันธ์อย่างมากกับโรคไข้หวัดใหญ่ที่จะพบมากในช่วงฤดูฝน และเมื่ออากาศเย็นลง ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อนิวโมคอคคัส อันเป็นเชื้อก่อโรคสาเหตุหลักของโรคปอดบวม หรือหากเชื้อมีความรุนแรงมากอาจลุกลามไปสู่โรคอื่นๆ เช่น โรคเยื่อหุ้ม-สมองอักเสบ โรคติดเชื้อในกระแสโลหิต และหูชั้นกลางอักเสบ รวมถึงการติดเชื้อในกระแสเลือดที่เรียกว่า โรคไอพีดี (Invasive Pneumococcal Disease)
ทั้งนี้ ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่กลุ่มเสี่ยงดังกล่าว เชื้อไข้หวัดใหญ่อาจเข้าทำลายเยื่อบุของหลอดลมหรือปอด เป็นเหตุให้เชื้อนิวโมคอคคัสที่อาศัยอยู่ในบริเวณคอหอย และเยื่อบุโพรงจมูกฉวยโอกาสหลุดรอดลงไปในหลอดลมและปอด จนเกิดการติดเชื้อรุนแรงในปอด ทำให้ปอดบวม ระบบหายใจล้มเหลว และทำให้เสียชีวิตในที่สุด”
เชื้อนิวโมคอคคัสสามารถติดต่อได้โดยผ่านระบบทางเดินหายใจ เช่น การไอ จาม และการสัมผัสกับละอองเสมหะของผู้ป่วย แม้ว่าการติดเชื้อสามารถรักษาได้โดยการให้ยาปฏิชีวนะ แต่ปัจจุบันพบว่าเชื้อนิวโมคอคคัสมีการดื้อยาปฏิชีวนะหลายๆ ชนิด ทำให้การรักษาไม่ได้ผลเท่าที่ควร รวมถึงอาจส่งผลในเรื่องค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการรักษาอีกด้วย ดังนั้นการป้องกันการติดเชื้อและการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยประชาชนไม่จำกัดวัย ตั้งแต่เด็กเล็ก ผู้ใหญ่วัยทำงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุ สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับแนวทางการป้องกันโรคปอดบวมได้
สาวเก่ง เปิ้ล – หัทยา วงษ์กระจ่าง เผยว่า “ยิ่งเราอายุมากขึ้น การดูแลสุขภาพยิ่งเป็นเรื่องสำคัญ คนส่วนใหญ่อาจจะคิดว่า ในเมื่อเรายังทำงานได้อยู่ ร่างกายยังไหว ไม่ได้ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ แต่ใครจะไปคาดคิดว่าอาจมีช่วงที่ร่างกายของเราอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงพอที่จะต่อสู้กับเชื้อโรค ประกอบกับอายุที่มากขึ้น การฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วยก็จะช้าตามไปด้วย ดังนั้น จึงอยากรณรงค์ให้ผู้ใหญ่ทุกคนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะคงไม่มีใครอยากเจ็บป่วยเป็นเวลานานๆ เพราะนอกจากจะบั่นทอนร่างกายของเราเองแล้ว ยังบั่นทอนจิตใจ ทำให้เราไม่สามารถปฏิบัติภารกิจต่างๆ ได้เต็มที่อีกด้วย”
มัดหมี่ – พิมดาว พานิชสมัย จูงมือ คุณแม่เกล็ดดาว มาร่วมงานเสวนาในครั้งนี้ พร้อมเผยว่า “คนส่วนใหญ่จะกังวลถึงโรคปอดบวมในเด็กเล็กๆ มากกว่า แต่ความจริงแล้ว ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นโรคติดต่อ เราทุกคนไม่ว่าจะอยู่วัยไหนก็ล้วนมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคด้วยกันทั้งนั้น จึงอยากเชิญชวนทุกคนให้ช่วยกันดูแลสมาชิกในครอบครัว อย่างครอบครัวของเราเอง คุณแม่จะคอยดูแลสุขภาพของพวกเราอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพักผ่อน การดูแลสุขภาพ ทั้งนี้อยากจะฝากลูกๆ ทุกคนว่า ขณะที่พ่อแม่เป็นห่วงเป็นใยดูแลเรามาโดยตลอด เราเองก็อย่าลืมดูแลสุขภาพของท่านด้วย”
“ไฟเซอร์มีเป้าหมายหลักในการเป็นเพื่อนคู่คิดที่ช่วยดูแลสุขภาพของคนไทย โดยเรายังคงมุ่งมั่นค้นคว้าวิจัยและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสรรค์ยาที่มีคุณภาพและปลอดภัยในการรักษาและป้องกันโรค โดยหวังว่าเราจะมีส่วนช่วยลดอุบัติการณ์การเกิดโรคต่างๆ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยทุกคน” มร. มัลเฮอร์บี กล่าวสรุป