จบสิ้นลงไปแล้วสำหรับแมตช์หยุดโลก ระหว่าง เดอะ แพ็กแมน “แมนนี่ ปาเกียว” และ “ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์” พริตตี้บอย รักใครเชียร์ใครว่ากันได้เต็มที่สำหรับฟอร์มการชกของนักมวยที่ถือได้ว่าเก่งที่สุดในยุคนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของกีฬาเท่านั้น แต่สำหรับการตลาดนี่คือ อีเว้นท์นี้อาจจะเรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดแห่งทศวรรษเลยก็ว่าได้ และนี่คือ 5 เหตุผล ที่สื่อตะวันตกเรียกแมตช์นี้ว่า “Super Bowl of Boxing”
1. เรื่องราวยิ่งกว่านิยาย
ความเป็นมวยรองของ ปาเกียว จับใจคน จากเด็กยากจนข้างถนน แมนนี่ ปาเกียว สร้างแรงบันใจให้กับผู้คนมากมาย เมื่อโด่งดังขึ้นมาก็ยังทำกิจกรรมเพื่อสังคม ขณะที่เมย์เวทเธอร์ พูดถึงแต่เรื่องของเงิน และใช้ชีวิตร่ำรวยฟุ้งเฟ้อ ว่ากันว่ามูลค่าการชกในครั้งนี้ ค่าตัวของทั้งคู่น่าจะไม่น้อยกว่า 250 ล้านดอลล่าร์ โดย ปาเกียว ยอมรับส่วนแบ่งที่น้อยว่าที่ประมาณ 40% ส่วน เมย์เวทเทอร์ ได้ส่วนแบ่ง 60% เพื่อให้แมตช์นี้เกิดขึ้นจริง
การแข่งขันของทั้งคู่กลายเป็นเรื่องราวแบบ hero vs. anti-hero และกลายเป็นสิ่งที่ใหญ่กว่าแค่ “มวย” นัดเดียว
2. นี่คือบทเรียนทางการตลาด
ในขณะที่ แมนนี่ ปาเกียว มีสปอร์นเซอร์ ประกอบด้วย Foot Locker, Wonderful Pistachios และ Nestle’s Butterfinger ปาเกียว จะได้รายได้เฉพาะส่วนนี้จากอีเว้นท์นี้ 5 ล้านเหรียญ เมย์เวทเทอร์ ไม่มีสปอนเซอร์หลักจากงานนี้เลย แต่เขาเองพยายามทำเสื้อผ้าแบรนด์ตัวเอง เห็นจากกางเกงที่ทั้งคู่ใส่ขึ้นชกก็น่าจะชัดเจนแล้วว่า กางเกงของ ปาเกียว เต็มไปด้วยโลโก้สปอนเซอร์ ส่วน เมย์เวทเธอร์ ใส่กางเกงสีดำขลิบทองโชว์ความหรูหราแต่ไร้ตราสัญลักษณ์ อย่างไรก็ตามไม่ต้องเป็นห่วงความร่ำรวยของ เมย์เวทเทอร์ เพราะจากการจัดอันดับของ Forbes ในปี 2014 เมย์เวทเทอร์ ยังเป็นนักกีฬาที่รวยที่สุดในโลกปกติทั้งปีเขาต่อยแค่ 2 ไฟท์ก็ฟันเงินไป 105 ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว
[youtube]https://www.youtube.com/watch?v=TMi-lTnUmBg[/youtube]
[youtube]https://www.youtube.com/watch?v=aA82CfrJh9U[/youtube]
3. เม็ดเงินโฆษณาที่ไหลเข้ามา
ในต่างประเทศลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดมวยคู่นี้ไม่ได้ถ่ายทอดทางฟรีทีวี ในช่วงโฆษณาเชื่อกันว่าแค่สปอนเซอร์ที่สนับสนุน ปาเกียว ก็จะโหมกระหน่ำใช้เงินโฆษณาอย่างมาก เช่น มีการคาดการณ์กันว่า Tecate น่าจะใช้เงินราว 5 ล้านเหรียญในแคมเปญนี้โดยมีโฆษณาที่มี Sylvester Stallone นักแสดงที่เคยรับบท “ร็อคกี้” ที่แฟนหนังและผู้ที่สนใจหมัดมวยต้องเคยดู มาพูดคุยกับ นักวิเคราะห์เรื่องมวย Larry Merchant แล้วเปิดโอกาสให้แฟนๆ ถกเถียงกันเรื่องแมตช์นี้
[youtube]https://www.youtube.com/watch?v=eGWpmPecf7M[/youtube]
4. นี่คือไฟท์ที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์
ไม่ใช่แค่เรื่องค่าตัวของนักมวยทั้งสองเท่านั้น มูลค่าการถ่ายทอดก็สูงตามไปด้วย การรับชมแมตช์นี้ผ่านช่อง HBO Sports ในระบบ HD อยู่ที่ 99 เหรียญส่วนระบบบธรรมดาอยู่ที่ 89 เหรียญซึ่งคาดการณ์จากสถิติเดิมตอนที่ เมย์เวทเทอร์ ต่อยกับ Saul “Canelo” Alvarez ในปี 2013 ก็ทำเงินจาก PPV(Pay-Per-View) ไปราว 152 ล้านเหรียญและ ไฟท์ที่ต่อยกับ Oscar De La Hoya ในปี 2007 ทำรายได้ 2.48 ล้านเหรียญ การชกในครั้งนี้ก็คาดการณ์ว่าน่าจะมีรายได้จากการรับชมแบบ PPV นี้ สูงกว่าครั้งไหนๆ ในประวัติศาสตร์
5. อีเว้นท์นี้ทำให้วงการมวยกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ในระยะหลังวงการมวยไม่ฮ็อตเหมือนที่เคย แต่งานนี้มีคนดังไปชมมากมาย อย่าง Jusin Bieber ก็ออกตัวแรงเชียร์ เมย์เวทเทอร์ เต็มที่ถึงขนาดเดินมาส่งจากห้องแต่งตัวเลยทีเดียว แล้วยังมี Tom Brady, Michael Strahan และ Mark Wahlberg ไปร่วมชม งานนี้ก็น่าจะดึงเสน่ห์ความ Cooooooool ของหมัดมวยให้กลับมาได้อีกครั้ง