ทุกวันนี้เมื่อพูดถึงการลงทุนใน “ทองคำ” หลายคนอาจจะยังไม่รู้ความจริงว่าถึงแม้ว่าราคาทองในตลาดโลกจะตกลงมามาก แต่นี่ก็เป็นโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งจากทองได้เช่นกัน และทองยังเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุนอยู่และสามารถทำกำไรได้ถ้าหากว่ามีการบริหารจังหวะเวลาได้อย่างเหมาะสม
และเพื่อทำให้การออมทองเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายขึ้น มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ชายน์นิ่งโกล์ด กรุ๊ป (Shining Gold Group) ได้เปิดบริการถึง 3 ส่วนหลัก ครอบคลุมการลงทุนด้านทองคำ 1. ขายทองในรูปแบบของร้านทองทั่วไปที่ผู้บริโภคคุ้นเคย 2. รับจ้างผลิต ขายส่งให้กับร้านทอง 3. การลงทุนในทองคำในรูปแบบใหม่ ที่น่าจะโดนใจหนุ่มสาวตั้งแต่นักศึกษาที่อยากเริ่มเก็บออมในทองคำ หรือจะเก็งกำไรในทองเป็นกอบเป็นกำ สำหรับนักลงทุนมืออาชีพก็มี โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในทองคำคอยให้คำปรึกษา Shining Gold Group เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างห้างทองในเครือ เจี่ยเจี้ยเชียง ซึ่งเป็นผู้มีความชำนาญ ด้านการจำหน่ายทองรูปพรรณ และเป็นผู้บุกเบิกด้านการผลิตทองรูปพรรณ ที่ทันสมัยมายาวนานกว่า 60 ปี ไม่ใช่แค่เป็นร้านทองอย่างเดียว แต่รวมแล้วในเครือทั้งหมด ที่มาที่ไปของบริษัทนี้เป็นอย่างไร ทั้งบริการและตัวตนของผู้บริหาร มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
ทายาทรุ่น 3 ลูกไม้ที่กลับมาอยู่ใต้ต้น
เอเกต ตัณฑชน Managing Director บริษัท ชายน์นิ่งโกลด์บูลเลี่ยน จำกัด เป็นทายาทรุ่น 3 ของครอบครัว ความจริงแล้วเธอเรียนจบการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ แต่เพื่อสืบทอดกิจการของครอบครัว จึงต้องเร่งทำความเข้าใจในการบริหารงานในธุรกิจทองคำ แต่เพราะว่าคลุกคลีในวงการนี้ตั้งแต่เด็กจึงทำให้ซึมซับการทำงานโดยตลอด ยิ่งมีคุณพ่อเป็นไอดอลในการทำงาน คอยสอนในเรื่องของการให้เกียรติคนที่ทำงานด้วยทุกระดับ และการทำงานเป็นทีมเวิร์ค จึงทำให้ธุรกิจเติบโตด้วยความรวดเร็ว ปีที่แล้ว Shining Gold ปิดปีด้วยรายได้ 80,000 ล้านบาท ปีนี้หวังว่าทำผลประกอบการ 200,000 ล้านบาท โดยเหตุผลที่ตั้งเป้าหมายแบบก้าวกระโดดก็เพราะว่านี่คือปีที่ 3 ของการทำงาน และปีแรกก็มีรายได้ 7,000 ล้านบาท แล้วขยับหลายเท่าตัวเช่นกัน เมื่อมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากขึ้น ก็เชื่อว่าจะสร้างการเติบโตได้อย่างที่หวัง
รูปแบบการออมหลากหลาย โดนใจทุกกลุ่ม
ธุรกิจของ ชายน์นิ่งโกล์ด กรุ๊ป มีทั้งการขายทองแบบดั้งเดิม กับเรื่องใหม่ๆ ที่ต้องเพิ่มเติมเข้าไป ในส่วนของ ชายน์นิ่งโกลด์บูลเลี่ยน ที่เอเกตดูแลโดยตรง เน้นไปที่การลงทุนในรูปแบบใหม่ มีโปรแกรมออมทองคำแท่ง เป็นการออมทองด้วยการตัดบัญชีธนาคารเริ่มต้นเดือนละ 500 บาทเท่านั้น แล้วเมื่อถึงเวลาที่ลูกค้าจะถอนออกไปก็ตีมูลค่าเงินฝากเป็นจำนวนทองแล้วไถ่ถอนเป็นทองคำแท่งทั้ง 99.99% และ 96.5% อิงกับราคาในช่วงเวลานั้น เหมาะกับนักศึกษาหรือคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน
ขยับมาอีกหน่อยที่นักลงทุนบางท่านที่อยากซื้อทองแท่งเก็บไว้ ที่นี่มีโปรแกรมฝากทองคำแท่ง ซึ่งจุดเด่นก็ตรงที่เก็บทองแท่งกับที่นี่ฝากเอาไว้ได้ แล้วได้ดอกเบี้ยด้วยอัตราดอกเบี้ยก็ประมาณ 0.4% ต่อปี โดยเริ่มต้นที่ทองแท่ง 10 บาทขึ้นไป
หรือสำหรับนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญ ก็มีบริการซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์ซึ่งความเสี่ยงต่ำกว่า Gold Futures และสะดวกสบาย สั่งซื้อออนไลน์ได้เลย โดยการลงทุนในรูปแบบนี้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อและขายได้ตามความพึงพอใจ โดยจะมีที่ปรึกษาซึ่งคร่ำวอดในวงการมานานเป็นผู้ให้คำแนะนำ มีบริการส่งอัพเดทแนวโน้ม อัตราการ ราคาซื้อขายอัพเดทอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้นักลงทุนซื้อขายตามราคาตลาดโลก ซึ่งลูกค้ากลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญและกระเป๋าหนักแบบนี้การซื้อขายต่อครั้งก็สร้างผลตอบแทนมหาศาล เพราะรูปแบบนี้เหมาะกับการลงทุนครั้งละ 10 กิโลกรัมขึ้นไป
ในด้านการตลาดมีการเดินสายบรรยายให้กับนักศึกษาหลายแห่ง เพื่อทำความเข้าใจและทัศนคติเรื่องลงทุนในทองคำให้ถูกต้องตามสภาพตลาด ซึ่งเทคโนโลยีต่างๆ ทำให้รูปแบบการลงทุนมีทางเลือกหลากหลาย คนรุ่นใหม่เองก็ควรเลือกสินทรัพย์และรูปแบบที่เหมาะกับกำลัง นิสัย และเป้าหมายของตัวเอง และกลุ่มลูกค้าของ Shining Gold ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ลูกค้าในประเทศเท่านั้น ตอนนี้เริ่มมีเศรษฐีจากเพื่อนบ้านเข้ามาสนใจใช้บริการมากขึ้นแล้ว
“ช่วงนี้อาจจะมีความเข้าใจว่าทองอยู่ในช่วงขาลง แต่จริงๆ แล้วราคาทองในช่วงนี้อาจจะเหมาะสมกับการเก็งกำไร การลงทุนในทองคำสามารถสร้างผลตอบแทนได้ สำหรับนักลงทุนที่เชี่ยวชาญในทองและเข้าใจตลาดอย่างจริงจัง ก็สามารถทำกำไรได้หลักแสน จากการที่ราคาทองในตลาดโลกขยับขึ้นไม่กี่จุด และถึงอย่างไรราคาโดยเฉลี่ยอ้างอิงจากเหมืองใหญ่ทั่วโลก ราคาในปีนี้ก็ไม่มีทางหลุด 1,132 ดอลล่าร์ต่อออนซ์” เอเกต วิเคราะห์แนวโน้มการลงทุนในทองคำปีนี้
ธุรกิจหลอมทองก็ไฮเทคได้
ในส่วนของการซื้อขายทอง ที่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นสินทรัพย์ที่อยู่คู่กับสังคมเอเชียอยู่เสมอ ทั้งในมุมการลงทุน เป็นเครื่องประทับและการเป็นสัญลักษณ์แสดงเศรษฐสถานะ ถึงแม้ว่านับตั้งแต่ หลังปี 2008 เป็นต้นมาที่เกิดยุคตื่นทอง ทำให้ผลิกโฉมการลงุทนในทอง จากเดิมที่คนไทยจะซื้อทองรูปพรรณ 90% แล้วซื้อทองแท่ง 10% เปลี่ยนเป็นซื้อทองรูปพรรณ 10% แล้วหันมาซื้อทองแท่งถึง 90% แทน แต่ทาง Shining Gold ก็ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพสินค้าทั้งส่วนที่ทำภายใต้แบรนด์ร้านทองของตัวเองกับที่รับจ้างผลิตทองในร้านค้า
ผ่านการตั้งโรงงานขนาด 52 ไร่ และลงทุนด้านเครื่องจักรสมัยใหม่อยู่เสมอ ถ้าหากยังคิดภาพช่างทองที่ยังต้องนั่งทำงานหน้าโต๊ะและเตาหลอมแบบเดิมละก็ เดี๋ยวนี้การผลิตทองให้เทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาช่วงแล้ว ในแต่ละวันโรงงานของ Shining Gold ต้องมีทองในสต็อคประมาณ 10,000 กิโลกรัมเพื่อทำเป็นทองรูปแบบต่างๆ ส่งให้ร้านค้า การทำงานแบบดั้งเดิมไม่สามารถตอบสนองได้แล้ว แต่การลงทุนในเครื่องจักรใหม่ๆ ทำให้การผลิตเร็วขึ้น มีทองที่สูญเสียไปกระบวนการผลิตน้อยลง ที่สำคัญคือ ช่างทองที่มีสกิลสูงๆ จะถูกผลักดันให้เรียน คิดค้นและออกแบบเครื่องประดับที่มีดีไซน์แปลกตา ใช้ฝีมือต่อยอดจากการทำทองแบบเดิมๆ ซึ่งประโยชน์ที่ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นตัวช่างเองก็ได้ผลตอบแทนมากขึ้น ในส่วนของ Shining Gold ก็มีทางเลือกให้ลูกค้าระดับไฮ-เอนด์ และเมื่อมีสินค้าที่มีดีไซน์สวยซึ่งถูกยกระดับขึ้น ก็ส่งผลดีกับภาพลักษณ์โดยรวมของแบรนด์ด้วย
หากสนใจเรื่องการลงทุนผ่านบริการของ Shining Gold Group สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://shininggold.com