นายภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโตของธุรกิจ ที่จากนี้ไป สิงห์จะไม่ใช่แค่บริษัทที่ผลิตและทำตลาดเบียร์เท่านั้น แต่จะมุ่งในการเป็นผู้ผลิตสินค้าไทยที่นำเสนอสินค้าคุณภาพสู่เวทีการค้าไทยและระดับโลก
โดยธุรกิจปัจจุบันได้แก่ ธุรกิจเบียร์ ธุรกิจนอนแอลกอฮอล์ ธุรกิจโลจิสติกส์ และรวมไปถึงกลุ่มธรุกิจใหม่ๆ ที่ได้เข้าไปร่วมลงทุน อย่างเช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และ ธุรกิจพลังงาน ที่กำลังเนื้อหอมอยู่ในปัจจุบัน
“ธุรกิจปัจจุบันต้อง Diversify ไปในหลายธุรกิจที่มีโอกาส ต่อยอดไปจากธุรกิจเดิมที่เรามี ทั้งเพื่อการเติบโตของบริษัทและเพื่อกระจายความเสี่ยง โดยแผนการ Diversify เริ่มต้นวางแผนไว้ตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว ” ภูริต ภิรมย์ภักดี กล่าว
ตั้งเป้ายอดขายปี 2558 อยู่ 2 แสนล้านบาท โดยเแบ่งเป็น อาหารและเครื่องดื่ม 1.6 หมื่นล้านบาท, อสังหาฯ 3 หมื่นล้านบาท, บรรจุภัณฑ์ 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท และเบียร์ 1.2-1.3 แสนล้านบาท ซึ่งยอดขายจากจากธรุกิจเบียร์คิดเป็น 60% จากปีก่อน 80% ของยอดขายทั้งหมด ส่วนภาพรวมธุรกิจปีนี้ ยอดขายสินค้ากลุ่มต่างๆยังมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจเบียร์ เติบโต 3% และสิงห์ยังมีส่วนแบ่งทางการตลาด 72% ตามด้วยช้าง 24% และไฮเนเก้น 4% น้ำดื่มเติบโต 8% สูงกว่าตลาดรวมน้ำดื่มเติบโตเพียง 2-3% ด้านโซดาถือว่ามีการเติบโตมากถึง 10% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5%
ล่าสุด บริษัทได้ร่วมงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มระดับเอเชียหรือไทยเฟ็กซ์ ซึ่งปีนี้มีการนำเสนอสินค้าอาหารและเครื่องดื่มครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ จากในเครือบุญรอดมาโชว์ศักยภาพขององค์กร โดยปีนี้ สินค้าที่เป็นไฮไลท์เปิดตัวใหม่มีจำนวนมาก อาทิ ข้าวอบกรอบแม็กสแน็คจากเฮสโก้, อาหารแช่แข็งเฮสโก้โซลูชั่น, กาแฟดอยช้าง จากดีวีเอส, ผลิตภัณฑ์จากบุญรอดฟาร์ม เป็นต้น เพื่อตอกย้ำว่าสินค้าของสิงห์อยู่รอบตัวผู้บริโภค
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทโดยรวม ได้มุ่งขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ด้วยการซื้อและควบรวมกิจการ(M&A)ซึ่งปีนี้จะมีการเจรจา(ดีล) 1-2 รายการ นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนลงทุนใน 1-2 ปีข้างหน้า ลงทุนหลักพันล้านขยายโรงงานน้ำดื่มเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสินค้า รวมทั้งลงทุน 4-5 พันล้านในการขยายเฟสโรงงานผลิตเบียร์ที่บางเลน รองรับการรุกตลาดในต่างประเทศ ทั้งตลาดระดับภูมิภาคอาเซียน และตลาดในประเทศอังกฤษด้วย และบริษัจะลงทุนสร้างคลังสินค้าที่บางบัวทองเพิ่มเติม และซื้อเครื่องจักรที่ใช้เป่าขวด PET ในโรงงานผลิตน้ำดื่มทั้ง 9 แห่ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตขวดให้เร็วขึ้น 20% และลดต้นทุนให้กับบริษัทได้จำนวนมากด้วย
ทั้งนี้ จากแนวโน้มกำลังซื้อที่ยังอ่อนตัวจากภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูง และเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวตามที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ บริษัทเตรียมทบทวนแผนการดำเนินงานอีกครั้งในช่วงกลางปี โดยปีนี้การทำธุรกิจมีการประเมินกันเป็นรายไตรมาส เพื่อปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ที่ระดับ 2 แสนล้านบาท จากปีก่อน 1.2 แสนล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากธุรกิจใหม่
ด้านนายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวว่า บริษัทเตรียมจัดกิจกรรมทางการตลาดครั้งใหญ่สำหรับผลิตภัณฑ์น้ำดื่มสิงห์ ดึงสโมสรฟุบอลระดับโลกอย่าง “เชลซี” มาฟาดแข้งในประเทศไทยวันที่ 30 พ.ค.นี้ และต่อยอดด้วยการดึงการตลาดด้านกีฬาหรือสปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง “สิงห์ฟุตบอลลีก” มาทำกิจกรรมต่อเนื่องอีก 6-7 เดือน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป เพื่อคัดทีมที่ชนะไปฟาดแข้งที่สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ ประเทศอังกฤษ
ส่วนแนวโน้มธุรกิจเบียร์ปีนี้ คาดว่าตลาดรวมจะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 1.9 แสนล้านบาท เนื่องจากรัฐมีการจัดเก็บภาษี 2% เข้ากองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ส่งผลให้ราคาขายเบียร์ปรับเพิ่มขึ้น 1 บาทต่อขวด ขณะที่ภาพรวมตลาดเบียร์ปีที่ก่อนมีมูลค่าประมาณ 1.7 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม ปีนี้สิงห์คาดว่าจะมียอดขายเบียร์เติบโต 5% จากปีก่อน