ในโอกาสครบรอบ 33 ปี เอ็มบีเอ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานสัมมนาวิชาการ “33 ปี MBA CHULA ก้าวสู่ความยั่งยืนทางธุรกิจ” โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.พสุ เดชะรินทร์ คณบดี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ เป็นประธานเปิดงานสัมมนา และได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรธุรกิจสาขาต่างๆ ให้เกียรติเป็นวิทยากรพิเศษ ได้แก่ รพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส, ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) และ ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน
รองศาสตราจารย์ ดร.พสุ เดชะรินทร์ คณบดีฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า “พฤติกรรมผู้บริโภคทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้การแข่งขันกลายเป็นการแข่งขัน เพื่อตอบสนอง และเอาชนะการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยภายนอกที่เกิดขึ้นมากกว่าการแข่งระหว่างธุรกิจกันเอง ธุรกิจจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนบิสซิเนส โมเดล (Business Model) แบบใหม่ๆ ยิ่งเปลี่ยนได้เร็ว และเป็นผู้นำในการเปลี่ยนจะยิ่งดีจะทำให้องค์กรยั่งยืน และประสพผลสำเร็จ”
รพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เผยว่า “การพัฒนาตลาดทุนไทยรองรับการเจริญเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ต้องมี 3 องค์ประกอบที่สำคัญ คือ CG in Substance (Corporate Governance in Substance) การกำกับกิจการให้ดีอย่างยั่งยืน เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ และเน้นการปฏิบัติอย่างจริงจัง, CSR in Process การทำ เพื่อสังคม บริษัทจะต้องผลักดันให้เข้าไปอยู่ในกระบวนการทำงานหลักของกิจการ และ Anti-Corruption in Practice ต้องมีการสร้างวัฒนธรรมการไม่คอร์รัปชั่นให้เกิดขึ้นให้ได้ในธุรกิจ”
สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส เผยว่า “การทำธุรกิจ เพื่อความยั่งยืน หัวใจ คือ การตอบโจทย์ของผู้ใช้บริการให้ได้ โดย เอไอเอส จะทำงานอยู่บน 5 แกนหลักที่สำคัญ คือ คุณภาพของเครือข่าย, การให้บริการที่เป็นเลิศ, นวัตกรรมที่ทันสมัย, การเพิ่มมูลค่า (Add Value) และการทำ CSR (Corporate Social Responsibility) ควบคู่ CSV (Creating Shared Value) เพื่อสังคม”
ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะยั่งยืนได้ ต้องอาศัยฐานข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นประโยชน์ เพราะฐานข้อมูลเหล่านี้เปรียบเสมือนเป็นสัญญาณเตือนภัยในการทำธุรกิจ ซึ่งสิ่งนี้เราเรียนรู้มาจากเหตุการณ์ฟองสบู่แตกเมื่อปี 2540 หากเรามีฐานข้อมูลที่เชื่อถือได้ เราจะสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจได้ตามเหมาะสมของแต่ละช่วงเวลา”
ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เผยว่า “การทำธุรกิจอย่างยั่งยืน เราจะใช้ 2 สิ่งด้วยกัน คือ CSR โดยเราจะสอดแทรก CSR เข้าไปอยู่ในทุกแคมเปญทางการตลาด และ SE (Social Enterprise) โดยแบ่งเป็น ออมเศรษฐกิจ สนับสนุนเศรษฐกิจรากหญ้า และ SME ให้ทั้งความรู้ และสนับสนุนเงินทุน, ออมสังคม ส่งเจ้าหน้าที่ของธนาคารลงไปให้คำปรึกษากับนักเรียน และชาวบ้านให้เห็นความสำคัญของการออม และออมสิ่งแวดล้อม นำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการที่ช่วยดูแลสิ่งแวดล้อม หรือ ECO Environment ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความยั่งยืนในมุมของ Branding ให้แข็งแกร่ง ทำให้ลูกค้าเชื่อว่า เราเป็นองค์กรที่ดี และเลือกใช้บริการของเรา”
ฉะนั้นธุรกิจที่ยั่งยืนต้องรู้จักการปรับตัว และดูแลสังคม ชุมชน คู่ธุรกิจ….