นับจากปีนี้ไปอีก 10 ปี หรือช่วงปี 2025 วงการโฆษณาทั่วโลกจะไปในทิศทางใด เหล่าผู้บริหารแถวหน้าของอุตสาหกรรมโฆษณาจำนวน 16 คน ได้ออกมาแชร์ความคิดเห็นต่อวงการโฆษณา ดังนี้
1. Martin Sorrell : CEO แห่ง WPP Group
คำว่า “ความคิดสร้างสรรค์” จะไม่ถูกจำกัดอยู่แค่ในกรอบของงานศิลปะหรือการเลือกใช้ถ้อยคำอีกต่อไป แต่ในโลกยุคดิจิตอลความคิดสร้างสรรค์นั้นจะครอบคลุมถึงไปถึงการสร้างและบริหารจัดการ เทคโนโลยี คลังข้อมูล และคอนเท้นต์ต่างๆ ให้หลอมรวมกันจนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน ไลฟ์สไตล์ของผู้คนทั่วโลกจะเป็น International มากขึ้น ในขณะที่อิทธิพลของประเทศที่เคยเป็นผู้นำโลกอย่างอเมริกากลับเสื่อมถอยลง บริษัทโฆษณาจึงจำต้องอาศัยทักษะและไอเดียจากบุคลากรที่มีภูมิหลังและวัฒนธรรมที่หลากหลายในการสร้างสรรค์โฆษณาให้มีอิทธิพลต่อผู้คนในระดับ Worldwide ผมเชื่อว่าเมื่อถึงตอนนั้นบรรดาผู้จัดการฝ่ายการเงินและผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อจะยอมรับซักทีว่าเงินที่จ่ายไปกับการตลาดนั้นไม่ได้เป็นค่าใช้จ่ายแต่เป็นการลงทุนต่างหาก
2. Sarah Hofstetter : CEO แห่ง 360i
แน่นอนว่าในอนาคตเทคโนโลยีจะยิ่งมีบทาทสำคัญต่อชีวิตของผู้คน ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีก็ย่อมทำให้วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ไม่ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบใด สิ่งที่นักการตลาดจะต้องยึดมั่นเป็นพื้นฐานในการทำงานก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นั้นก็คือการรักษาไว้ซึ่งเมล็ดพันธุ์ของความคิดสร้างสรรค์อันแปลกใหม่และความเข้าใจเกี่ยวกับแบรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง ส่วนทักษะที่นักการตลาดในอนาคตควรมีเสริมก็คือการเข้าใจถึงพฤติกรรมผู้คนในยุคที่ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเป็นไปได้เพียงแค่ปลายนิ้วคลิก แม้เทคโนโลยีทำให้สิ่งต่างๆ ง่ายขึ้น แต่ในการทำงานด้านการตลาดนั้นความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ก็ยังคงไว้ซึ่งบทบาทสำคัญในการสร้างอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิดของผู้บริโภคเพื่อชักจูงให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมตามที่เหล่านักการตลาดต้องการได้เสมอ
3. Ted Royer, New York chief creative officer, Droga5
ในปี 2025 เราจะเห็นโฆษณาของสินค้าต่างๆ ผ่านแว่นตา 3 มิติ ซึ่งให้ภาพ เสียง และอารมณ์ได้สมจริง ราวกับสิ่งนั้นมาปรากฏอยู่ตรงหน้า
4. Arthur Sadoun : global CEO แห่ง Publicis Worldwide
การถือกำเนิดของดิจิทัลแพลตฟอร์ม อย่าง แคมเปญไซต์ แอพพลิเคชั่น โซเชียลมีเดีย และอีเมลจะทำให้สื่อยุคเก่าอย่างโทรทัศน์ และวิทยุสูญสิ้นอิทธิพลที่เคยมีมา ทำไมเราถึงยังต้องใช้สื่ออย่างโทรทัศน์ วิทยุที่ทำได้แค่การสื่อสารแบบทางเดียวอีกล่ะในเมื่อเรามีดิจิตัลแพลตฟอร์มที่สามารถจับคู่แบรนด์และกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายให้มาเจอกันอย่างเหมาะเจาะได้ด้วยการประมวลผลข้อมูลในเชิงลึก การส่งมอบคุณค่าจากแบรนด์สู่ผู้บริโภคจะไม่เป็นในรูปแบบของแบรนด์เป็นผู้ให้และผู้บริโภคเป็นผู้รับอีกต่อไป ดิจิตอลแพลตฟอร์มจะทำให้แบรนด์และผู้บริโภคผลัดกันเป็นผู้ให้ผู้รับด้วยการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแชร์ไอเดียร่วมกัน บริษัทโฆษณาที่เคยเฟื่องฟูในยุคของโฆษณาโทรทัศน์จึงต้องลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนตัวเองโดยละทิ้งความคิดที่ว่าตนเองเป็นผู้นำส่วนผู้บริโภคนั้นเป็นผู้ตาม เนื่องจากโลกแห่งการตลาดในอนาคตเป็นโลกที่ต้องอาศัยการพึ่งพากันระหว่าง แบรนด์และผู้บริโภค
5. Robert Senior : Worldwide CEO แห่ง Satachi & Saatchi
ในปี 2025 บริษัทโฆษณาเราก็คงยังมีลูกค้า ยังมีไอเดียสร้างสรรค์ที่แพร่ไปในทุกๆ ช่องทางของการสื่อสาร ส่วนบุคลากรเก่งๆ ของเราก็ยังคงสามารถสร้างความสำเร็จให้แก่แบรนด์ของลูกค้าเราดังเดิม ผมเห็นว่าในภาพรวมแล้วบริษัทเราก็ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนไปเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ผมเล็งเห็นคือโลกเราจะมีดิจิตัลแพลตฟอร์มเจเนอเรชั่นใหม่ที่เร็วขึ้น ราคาย่อมเยาขึ้น เชื่อมโยงและประมวลผลข้อมูลได้ดีขึ้นที่มาในรูปของอุปกรณ์เทคโนโลยีที่สามารถสวมใส่ได้ และไม่ต้องสงสัยเลยว่า “โฆษณาโทรทัศน์” จะถูกมองเป็นสิ่งที่แสนล้าหลังอันไม่อาจดึงความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภคได้อีกต่อไป
6. Lindsay Pattison : worldwide CEO แห่ง Maxus
การนำเทคโนโลยีมาใช้ในเรื่องต่างๆ มากขึ้นอาจทำให้ดูเหมือนว่าเราใช้คอมพิวเตอร์ทำงานแทนมนุษย์ แต่บทบาทของนักโฆษณาอันได้แก่การควบคุมและกลั่นกรองข้อมูลนั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ การตลาดในรูปแบบ direct marketing จะเป็นไปอย่างฉับไว มีการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าและมีลักษณะของ tailor-made มากขึ้น เทคโนโลยีที่ก้าวไกลและการติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นก่อให้เกิดการสร้างนวัตกรรมและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในเชิงธุรกิจมากขึ้น บริษัทโฆษณาแต่ละแห่งจะแข่งขันกันสร้างเทคโนโลยีของตนเองเพื่อให้ลูกค้าของตนสามารถเข้าถึงคลังข้อมูลดิจิตอลระดับโลกอันทรงประสิทธิภาพได้ บริษัทโฆษณาควรเริ่มลงทุนด้านการบริหารความเสี่ยงด้วยเงินของตัวเองแทนการใช้เงินของลูกค้า เพราะบรรดาลูกค้าจะเลือกใช้บริการจากบริษัทที่สร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุดจากเม็ดเงินที่พวกเขาได้ลงทุนไปกับการโฆษณา
7. Rei Inamoto : chief creative officer แห่ง AKQA
ในปี 2025 บริษัทกว่า 95% จะบริหารความสัมพันธ์ทางธุรกิจโคยไม่ต้องอาศัยการสื่อสารกับมนุษย์ หากดูจากแนวโน้มของโลกในทุกวันนี้จะเห็นว่าสัดส่วนของธุรกรรมทางอินเตอร์เน็ตนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ปี หากลองย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ปีมานี้เรายังต้องโทรเรียกแท็กซี่กันอยู่เลยแต่ทุกวันนี้เราสามารถที่จะกดปุ่มเรียกแท็กซี่ผ่านแอพพลิเคชั่นโดยไม่ต้องอาศัยการสื่อสารกับคนเลย ดังนั้นปัญหาใหญ่ที่ธุรกิจจะต้องเผชิญในอีก 10 ปีข้างหน้าคือ เราจะรับมือจากการพัฒนาทางเทคโนโลยีอย่างไรในการให้บริการและเชื่อมต่อกับผู้คน
8. Pam Hamlin : global president แห่ง Arnold Worldwide
สิ่งที่นักการตลาดจะต้องโฟกัสก็ยังเป็นสิ่งเดิมๆ นั้นคือการหาวิธีการเล่าเรื่องอันทำให้แบรนด์นั้นดูสำคัญและเชื่อมโยงกับผู้บริโภค ความท้าทายของนักการตลาดในอนาคตคือการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าให้ทันก่อนการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเพราะการเปลี่ยนแปลงนั้นจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงซึ่งวิธีการที่ผู้คนใช้บอกเล่าเรื่องราวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งเทคโนโลยีพัฒนาโลกเราก็จะมีช่องทางใหม่ๆ ที่จะใช้เล่าเรื่องราวต่างๆ มากขึ้น ช่องทางที่หลากหลายทำให้การสื่อสารกับกลุ่มผู้บริโภคเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ทำได้อย่างง่ายดาย แต่สิ่งสำคัญที่จะใช้ตัดสินความสำเร็จในการสื่อสารก็คือไอเดียอันสร้างสรรค์ที่จะใช้ในการบอกเล่าเรื่องราว
9. Richard Edelman : CEO แห่ง Edelman
เราจะยังคงได้เห็นโฆษณาโทรทัศน์ในอีเว้นท์ต่างๆ เช่น การแข่งขัน Super Bowl ในอนาคตการวางแผนสื่อ การประชาสัมพันธ์และดิจิตอลจะถูกรวมเป็นหนึ่งเดียว แต่บทบาทของแต่ละกิจกรรมก็จะมีจุดสำคัญที่แตกต่างกันออกไป เช่น การประชาสัมพันธ์จะเน้นไปที่การเผยแพร่เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงและการกระตุ้นให้ผู้คนมาซื้อสินค้านิดๆ หน่อยๆ ในงานเทศกาลที่ถูกจัดขึ้นแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ในปี 2025 ลูกค้ากลุ่มใหญ่สุดก็คือคนที่เกิดในยุค 90s การทำให้คนกลุ่มนี้หวนรำลึกถึงอดีตเมื่อครั้งวัยรุ่นจึงน่าจะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ผมคิดว่าในอนาคตเราก็จะยังเห็นหนังสือพิมพ์วางขายอยู่แต่รายได้หลักของธุรกิจสิ่งพิมพ์จะมาจากรายได้จากการขายและการสมัครสมาชิกไม่ใช่รายได้จากโฆษณา
10. Jean Lin : global CEO แห่ง Isobar
ทุกวันนี้อาชีพที่เชี่ยวชาญด้านการเล่าเรื่องมากสุดอย่าง creative director ส่วนใหญ่จะไต่เต้าขึ้นมาจากงานด้านการเขียนโฆษณาหรืองานอาร์ตดีไซน์ แต่ในอีก 3-5 ปีข้างหน้านี้เราคงได้เห็น creative director ที่มาจากสายงานด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ เพราะเทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญในการดึงความสนใจของคนมากขึ้นเรื่อยๆ
11. Steve King : CEO แห่ง ZenithOptimedia
จะไม่มีการซื้อพื้นที่โฆษณาโดยพิจารณาจากเรตติ้งที่สำรวจจากกลุ่มตัวอย่างอีกต่อไป เพราะในอนาคตเราจะมีระบบที่สามารถวัดปริมาณการเข้าชมของสื่อต่างๆ ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างแม่นยำ หมดยุคการทำการตลาดแบบเหวี่ยงแหเพราะการทำการตลาดในอนาคตจะเป็นการโฟกัสเฉพาะกลุ่มเป้าหมายเท่านั้นเพราะมันทำให้การสื่อสารทางการตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้นอันส่งผลให้เม็ดเงินที่ใช้ไปเพื่อกิจกรรมทางการตลาดจึงก่อให้เกิดรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น ในอนาคตบริษัทด้านสื่อโฆษณาจะมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากทุกวันนี้จนหลายคนเดาไม่ออกเลยทีเดียว โดยจะมีการว่าจ้างนักวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจและวิศวกรด้าน database เพิ่มขึ้น ธุรกิจจะหันมาใช้บริการจากบริษัทโฆษณาเพิ่มขึ้นโดยเห็นว่าบริษัทโฆษณานั้นเป็นเสมือน partner ทางธุรกิจ
12. Lori Senecal : global CEO แห่ง CP&B และ president และ CEO แห่ง MDC Partner Network
การโฆษณาในอนาคตจะปรับเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภคในอนาคต การโฆษณาจะไม่หยุดอยู่แค่การบอกเล่าเรื่องราวอีกต่อไป แต่จะขยับไปถึงขั้นการพยากรณ์ความต้องการและพฤติกรรมของมนุษย์ เทคโนโลยีจะทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจและเทคแคร์พวกเขาได้ดีขึ้น ทางฝั่งของแบรนด์เองก็สามารถใช้ประโยชน์จาก big data ในการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคเพื่อที่จะส่งมอบบริการดีเลิศอันทำให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์ทางอารมณ์ที่เปี่ยมล้นได้
13. Harris Diamond : chairman-CEO แห่ง McCannWorldgroup
คนที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นในตอนนี้ก็คงก้าวสู่วัยผู้ใหญ่ในปี 2015 ในตอนนั้นพวกเขาก็จะหวนนึกถึงวันเก่าๆ อันสนุกสนานในช่วงวัยรุ่น เช่นเมื่อวิดีโอที่พวกเขาทำกลายเป็นคลิปไวรัลให้พูดถึงกันทั่วบ้านทั่วเมืองซึ่งเป็นสิ่งที่เจ๋งมากสำหรับวัยรุ่นในยุคนั้น ในส่วนของอุตสาหกรรมโฆษณาแม้ว่าการวิเคราะห์ข้อมูลจะเริ่มมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงที่ผ่านมา แต่สิ่งที่สำคัญสุดก็ยังคงเป็นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ เพราะมนุษย์เราก็ยังคงถูกโน้มน้าวได้ด้วยพลังของความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างคอนเท้นต์อันเปี่ยมอารมณ์ที่เกี่ยวโยงกับชีวิตจริงของพวกเขา อีกสิ่งที่ผมคาดการณ์ได้ในอนาคตก็คือการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรในองค์กรธุรกิจโดยบุคลากรในแต่ละองค์กรทั้งในระดับพนักงานและระดับผู้บริหารจะมาจากพื้นเพและวัฒนธรรมที่หลากหลายขึ้น
14. Bill Koenigsberg, : CEO แห่ง Horizon Media
ในอนาคตลูกค้าจะมองหาบริษัทโฆษณาที่ช่วยสร้าง “ประสบการณ์ของลูกค้า” โดยการวิเคราะห์ข้อมูล บริหารจัดการคอนเท้นต์ วางแผนการสื่อสาร นำแผนไปปฏิบัติ ตลอดจนการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านโฆษณา บริษัทเหล่านี้จะนำโดยนักกลยุทธ์ด้านคอนเท้นต์ที่จะออกแบบเส้นทางแห่งการสัมผัสประสบการณ์ให้แก่ลูกค้า วงการโฆษณาจะมีการจ้างนักจิตวิทยาที่เชี่ยวชาญในการผลักดันให้ผู้บริโภคเกิดพฤติกรรมการเสพสื่อและการใช้จ่าย และในการกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายก็จะนำข้อมูลด้านอารมณ์ ทัศนคติและพฤติกรรมการเสพสื่อของลูกค้ามาใช้ในการพิจารณาด้วย
15. Cilla Snowball : group chairman & group CEO แห่ง AMV BBDO
อุปกรณ์การสื่อสารทุกอย่างจะมาในรูปแบบไร้สาย สวมใส่ได้และมีดีไซน์สวยงามน่ามอง ชีวิตของผู้คนจะง่ายขึ้นและรวดเร็วขึ้น เราจะสามารถทำทุกอย่างได้ด้วยโทรศัพท์มือถือหรือนาฬิกาข้อมือ สำหรับอนาคตของบริษัทเรานั้น เราม่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านคอนเท้นต์รวมทั้งสร้างบุคลากรที่จะมาเป็นผู้นำด้านคอนเท้นต์ด้วย ตั้งแต่นี้ไปการสร้างสรรค์งานที่ดีที่สุดและการมีบุคลากรที่เปี่ยมความสามารถมากสุดจะเป็นตัวตัดสินว่าบริษัทไหนจะเป็นผู้ชนะในวงการโฆษณา
16. Andrew Essex : vice chairman แห่ง Droga5
ผมเชื่อว่าธุรกิจสื่อ ครีเอทีฟ ดิจิตอลและประชาสัมพันธ์จะกลับมารวมกันอีกครั้ง หลังจากที่โดนจับแยกออกจากกันเมื่อหลายปีก่อน การนำธุรกิจเหล่านี้มารวมกันจะต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แน่นอนว่ามันจะทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทโฆษณาเปลี่ยนไปจากทุกวันนี้และยังทำให้การทำงานของบริษัทมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย จะไม่มีโฆษณาทางโทรทัศน์ที่ชอบเด้งขึ้นมาขัดจังหวะตอนคุณกำลังชมรายการโปรดอีกต่อไป เพราะแบรนด์สินค้าจะเป็นผู้สร้างรายการโทรทัศน์เอง ดังนั้นเมื่อคุณดูการออกอากาศทางโทรทัศน์ก็จะไม่มีการแบ่งว่าคอนเท้นต์หลักคือรายการโทรทัศน์ส่วนคอนเท้นต์รองคือโฆษณาอีกต่อไปแต่จะมีแค่คอนเท้นต์ที่ดีและคอนเท้นต์ที่แย่ ในอนาคตผู้บริโภคก็ยังคงเสพคอนเท้นต์จากทุกช่องทางตราบเท่าที่คอนเท้นต์นั้นเป็นคอนเท้นต์ที่มีคุณภาพ
[xyz-ihs snippet=”LINE”]