หนุ่ม-สาวออฟฟิศ ย่านพระราม 4 กำลังจะมีสถานที่ฝากท้องในช่วงกลางวันแห่งใหม่ ในช่วงต้นปีหน้า เรียกว่า “สวนเพลิน มาร์เก็ต” และนี่คือ 10 เรื่อง ที่น่าสนใจเกี่ยวกับไล์ฟสไตล์ช็อปปิ้งนี้
1. “สวนเพลิน มาร์เก็ต” เป็นโครงการที่พัฒนาโดย “กลุ่มอรรถกระวี” ซึ่งมีประสบการณ์ทำโครงการในย่านใกล้เคียงมาแล้ว เช่น A Square และ Warehouse 26 นอกจากนี้ยังมีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนา K-Village อีกด้วย
2. ถึงแม้ว่าจะมีโครงการใกล้กันหลายแห่ง แต่ก็มี Positioning ที่แตกต่างกันกัน โดย “สวนเพลิน มาร์เก็ต” จับกลุ่มคนออฟฟิศที่จะมาใช้บริการในวันทำงาน “A Square” จะเป็นคอมมูนิตี้ของธุรกิจที่รวมพลังของธุรกิจที่มีความน่าสนใจในตัวเองอยู่แล้ว เช่น Flow House หรือร้านอาหารชื่อดัง “K-Village” จะจับกลุ่มลูกค้าระดับ hi-end จึงมีสัดส่วนน้อยกว่า
3. “สวนเพลิน มาร์เก็ต” เป็นมาร์เก็ต มอลล์ มีพื้นที่ 10 ไร่ อยู่ตรงข้ามอาคารมาลีนนท์ รองรับความต้องการของอาคารสำนักงานใหญ่ๆ 4-5 แห่งในระยะ 3 กิโลเมตร ออกแบบตกแต่งสไตล์ อินดัสเทรียล ลอฟท์ จำลองบรรยากาศสถานีรถไฟ เพราะด้านหลังในอดีตเคยเป็นเส้นทางรถไฟสายแรกในประเทศไทย ที่เรียกว่า “สายปากน้ำ”
4. คอนเซ็ปท์ของโครงการ คือ “เพลินจิต เพลินใจ เพลินช้อป เพลินชิม” เปลี่ยนไลฟ์สไตล์แห่งการช้อปปิ้งให้สะดวกสบาย ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น มีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดเกือบ10,000 ตารางเมตร มีลานกิจกรรมขนาดใหญ่ 700 ตร.ม.เพื่อให้ทุกคนใช้จัดกิจกรรม เช่น อีเว้นท์ คอนเสิร์ต ฯลฯ
5. สานกิจกรรมนี่เองที่จะถูกใช้ประโยชน์โดยดึงศิลปิน ดารา จาก เสิร์ช เอ็นเตอร์เทนเมนต์ มาทำอีเว้นท์พิเศษเพื่อดึงผู้บริโภคในวันเสาร์ – อาทิตย์ นอกเหนือจากวันธรรมดาที่ทางโครงการมั่นใจอยู่แล้วว่าฐานลูกค้าออฟฟิศต้องใช้บริการแน่นอน คาดการณ์ว่าในวันธรรมดาจะมีผู้ใช้บริการ 6,000-7,00 คน/ วัน
6. ร้านค้าต่างๆ ในมอลล์มี 250 ร้าน ประกอบด้วยจุดเด่นหลักที่ โซน Food & Beverage ชูจุดขายร้านอาหารที่ราคาเอื้อมได้ถึง ท่ามกลางบรรยากาศที่ดี รวมทั้งใกล้กว่าเทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี ที่ต้องเดินไกลออกไปอีก นอกจากนี้ยังมี Makro Food Service ตั้งใจจับกลุ่มลูกค้าร้านอาหาร ที่ซื้อสินค้าจำนวนมาก หรืออุปกรณ์ประกอบอาหารอื่นๆ โดยวิธีการคัดเลือกร้านค้าเข้าร่วมกับโครงการจะมองหาร้านที่แบรนด์และประสบการณ์มาแล้ว
7. “กลุ่มอรรถกระวี” ตั้งเป้าหมายคืนทุนจากโครงการ “สวนเพลิน มาร์เก็ต” ภายใน 7 ปี ขณะนี้สร้างเสร็จแล้ว 80% และจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในไตรมาสแรกของปี 2016
8. โครงการต่อๆ ไปของ “กลุ่มอรรถกระวี” จะเน้นโครงการรีเทลเป็นหลัก เพราะได้เปรียบเรื่องที่ดินที่เป็นของตระกูลอยู่แล้วทำให้ได้เปรียบเรื่องต้นทุนค่าที่ดิน อีกทั้งไม่ต้องสร้างแนวสูง ซึ่งจะใช้ต้นทุนสูง นอกจากนี้ยังเล็งเห็นว่าไลฟ์สไตล์การช็อปปิ้งเป็นกิจกรรมที่คนไทยชื่นชอบ
9. นอกจากจะมีที่ดินจำนวนมากบริเวณพระราม 4 แล้ว “กลุ่มอรรถกระวี” ยังมีที่ดินที่จะพัฒนาต่อย่านพระราม 9 อีกราว 300ไร่ โดยที่แรกจะเป็นโครงการ 33 ไร่ ที่สี่แยกประดิษฐ์มนูญธรรม
10. รวมแล้วทั้ง “กลุ่มอรรถกระวี” ตั้งเป้าหมายมีรายได้ทะลุ 1,000 ล้านบาท ภายใน 10 ปีข้างหน้า