นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่และได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องทั้งจากนักลงทุนชาวไทยและชาวต่างชาติ และโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมทำเลแนวรถไฟฟ้า
เห็นได้จากโครงการคอนโดมิเนียมของแสนสิริ ซึ่งในปีนี้สามารถปิดการขายได้ทันทีในวันพรีเซลส์ ถึง 3 โครงการ ได้แก่ “เดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้า” พรีเมี่ยมคอนโดมิเนียม มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท มาสเตอร์พีซของถนนพหลโยธิน ห่างจาก BTS สนามเป้าเพียง 300 เมตร และคอนโดมิเนียมภายใต้การร่วมทุนระหว่างแสนสิริและบีทีเอส “เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต” ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต มูลค่าโครงการเกือบ 6,000 ล้านบาท และล่าสุด “เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71” คอนโดมิเนียมใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS พระโขนง มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท รวมถึงการที่ลูกค้าให้การตอบรับกับโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ต่างๆ และความสำเร็จจากการจัดแคมเปญการตลาดทั้งยอดขายจากคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ภายใต้แคมเปญ “NOW OR NEVER” ที่เพิ่งจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา และแคมเปญการตลาดโครงการคอนโดมิเนียมตากอากาศที่หัวหิน The Joy of Huahin และแคมเปญการตลาดโครงการแนวราบ Make It Yours ส่งผลให้ยอดขายรวมของบริษัทในช่วง 9 เดือน สามารถปิดการขายไปได้ถึง 20,500 ล้านบาทหรือคิดเป็นกว่า 60% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ 33,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 200% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 6,800 ล้านบาททำให้เชื่อมั่นว่าในปีนี้กลุ่มบริษัทแสนสิริจะสามารถสร้างยอดขายจากโครงการที่อยู่อาศัยได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2558 บริษัทยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 10 โครงการ มูลค่ารวม 21,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการพัฒนาคอนโดมิเนียมประมาณ 5 โครงการและโครงการบ้านเดี่ยวอีกประมาณ 5 โครงการ ทั้งนี้จากความสำเร็จของการพัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้การร่วมทุนระหว่างแสนสิริและบีทีเอส ภายใต้แบรนด์ THE LINE (เดอะ ไลน์) ทั้งโครงการเดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต และ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71 ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทยังได้เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ เดอะ ไลน์ โครงการใหม่ คือ “เดอะ ไลน์ ราชเทวี” มูลค่าโครงการ 2,800 ล้านบาท โดยจะเปิดให้ชมห้องตัวอย่างในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ ที่ THE LINE Sales Centre (BTS หมอชิต)
นายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2558 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยในแนวราบ โครงการใหม่อีกประมาณ 5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยจะเป็นการพัฒนาบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ทั้งหมด ได้แก่ บ้านเดี่ยวทำเลกรุงเทพฯ โซนตะวันออก โครงการ “เศรษฐสิริ พัฒนาการ-อ่อนนุช” มูลค่าโครงการรวม 3,200 ล้านบาท, บ้านเดี่ยวในโครงการ “คณาสิริ วงแหวน – ลำลูกกา” มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท ซึ่งเปิดตัวต่อเนื่องจากแบรนด์ “คณาสิริ” ที่ได้รับการตอบรับที่ดี รวมทั้งบริษัทยังได้เตรียมเปิดตัวบ้านเดี่ยวโครงการแรกในโคราช ภายใต้แบรนด์ สราญสิริ ชื่อโครงการ “สราญสิริ โคราช” มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าในหัวเมืองใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเตรียมเปิดตัวบ้านเดี่ยวในจังหวัดเชียงใหม่อีก 1 โครงการเพื่อตอบรับความต้องการบ้านเดี่ยวที่เชียงใหม่ที่ยังมีอุปสงค์ตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้าย บริษัทจะเดินหน้าพัฒนาโครงการภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้จะใช้กลยุทธ์ด้าน Brand Management ในการใช้แบรนด์ที่อยู่อาศัยต่างๆ ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น รวมถึงการปรับโครงสร้างองค์กรให้บริหารงานและทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นนอกเหนือไปจากการบริหารงานภายใต้แผนงาน “Engineer For Growth” หรือ EFG ที่นับว่าประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพ ทั้งการลดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย เพิ่มยอดโอนและเน้นการสร้างกำไรเพิ่มขึ้นได้ตามเป้าหมายที่ประกาศไว้ โดยบริษัทคาดว่าจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งเป้าหมายยอดขายรวมซึ่งตั้งไว้ 33,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้รวมซึ่งตั้งไว้ 35,000 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบัน บริษัทมียอดขายในช่วง 9 เดือนแล้วกว่ 20,500 ล้านบาท รวมทั้งมีรายได้ในช่วงครึ่งปีแรกแล้วกว่า 17,000 ล้านบาท โดยคาดว่ารายได้ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้จะเติบโตโดดเด่นที่สุดจากการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการ คอนโดมิเนียมที่เริ่มทยอยโอนหลายโครงการ อาทิ โครงการเดอะ เบส พาร์คอีสต์ สุขุมวิท77, ดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท บางแสน, ดีคอนโด โคโค่ สุราษฏร์ธานี, เดอะ เดค ป่าตอง ภูเก็ต และ บ้านไม้ขาว ภูเก็ต เป็นต้น