มีงานวิจัยผู้บริโภคหลายชิ้นที่ระบุว่าความจริงแล้ว “ผู้บริโภคเกลียดโฆษณา” รวมทั้งมีเครื่องมือใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมาเพื่อปิดกั้นโฆษณา เช่น Ad Block ที่ทำให้แบนเนอร์โฆษณาทั้งหลายไม่เล่นเวลาที่ผู้ใช้งานเข้าสู่เว็บไซต์ สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับนักการตลาดและโฆษณาซะเหลือเกิน โดยเฉพาะในต่างประเทศ สำหรับประเทศไทยเรายังเดินไปไม่ถึงจุดนั้น แต่ก็มีตัวเลขให้เห็นแล้วว่าปฏิสัมพันธ์ของผู้บริโภคกับสื่อโฆษณาไม่สวยหรูอย่างที่หวัง จนเกิดเป็นรูปแบบโฆษณาใหม่ เพื่อส่งให้คีย์เมสเสจที่นักการตลาดอยากบอก ไปถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้ เรียกว่า Reward Ads
ข้อมูลจาก บริษัท ฟิวเจอร์สตรีม เน็ทเวิร์คส จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านแอปพลิเคชั่นเพื่อการโฆษณาจากเกาหลีใต้ ระบุว่า ในเกาหลีใต้มูลค่าตลาดโฆษณาทางมือถือมีเม็ดเงินประมาณ 1.5 พันล้านดอลล่าร์ โดยแบ่งรูปแบบการโฆษณาออกเป็น 3 ประเภท คือ Display Ads, Search Ads, และ Reward Ads โดยโฆษณาแบบ Reward Ads จะมีอัตราการเติบโตสูงสุดเป็น 2 เท่าทุกๆปี ปัจจุบันมูลค่าตลาดของ Reward Ads อยู่ที่ 15% ของงบการลงโฆษณาทางมือถือทั้งหมด หรือประมาณ 225 ล้านดอลลาร์ นับเป็น Next Generation ของการลงโฆษณาทางมือถืออย่างแท้จริง เนื่องจากมีสถิติแสดงว่าคนที่เห็นโฆษณาจาก Reward Ads ทำให้เกิดการซื้อสินค้ามากกว่า Display Ads และ Search Ads โดยเฉลี่ยมากกว่าถึง 2 เท่า
ในประเทศไทย มีผู้ใช้รูปแบบการโฆษณาแบบนี้มาแล้ว เช่น เอ้ก ดิจิทัล ได้เปิดตัวบริการ Wifi Pay ตามสื่อ OHM ผู้บริโภคจะได้รับ Wifi ฟรี ถ้าหากว่ายอมรับชมโฆษณาในรูปแบบวิดีโอขนาดสั้นประมาณ 15 วินาที ซึ่งปรากฏว่าได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี นักการตลาดก็ได้ปล่อยโฆษณาที่มีผู้ชมซึ่งนับจำนวนได้แน่นอน ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์แลกกับการที่รับชมโฆษณาในระยะเวลาสั้นๆ
ด้วยแนวคิดนี้เอง ล่าสุดจึงมีแอปพลิเคชั่นเพื่อโฆษณาใหม่ที่เรียกว่า AdPocket เข้ามาทำการตลาด ถือเป็นการพลิกโฉมวงการการตลาดดิจิตอลไปอีกขั้น อาศัยพฤติกรรมของผู้บริโภคในประเทศไทยที่ในแต่ละวันคนไทยใช้เวลาไปกับสมาร์ทโฟนสูงถึง 4 ชั่วโมงต่อวัน สูงกว่าการใช้สื่อโทรทัศน์ถึง 3 เท่า และมีการปลดล็อคปุ่มล็อคสกรีนโดยเฉลี่ยสูงถึง 50 ครั้งต่อวัน เป็นพื้นฐานในการนำเสนอสื่อโฆษณาในรูปแบบ Lock-Screen-Ads โดยแอปพลิเคชั่น AdPocket เป็นความร่วมมือกันของ 3 บริษัท ประกอบด้วย คลิกทูบิซ จำกัด, เอ้ก ดิจิทัล และ ฟิวเจอร์สตรีม เน็ทเวิร์คส
การใช้งาน AdPocket นี่ก็คือ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นไว้ในโทรศัพท์สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ แล้วเปิดการใช้งาน ทุกครั้งที่โทรศัพท์ล็อคหน้าจอไป แล้วผู้ใช้งานต้องการเปิดใช้โทรศัพท์ หน้าจอจะโชว์โฆษณา ยิ่งเจ้าของโทรศัพท์เปิดใช้งานโทรศัพท์ก็จะยิ่งได้แต้มจากการชมโฆษณา หรือถ้าหากว่าร่วมกิจกรรมอื่นๆ ที่มากับโฆษณา เช่น ดาวน์โหลดเกม ก็จะยิ่งได้แต้ม โดยแต้มที่ได้มาสามารถเอาไปแลกเป็นของรางวัล, ส่วนลด,ดีล หรือแม้แต่เงินสด นี่เองรูปแบบ Reward Ads ของ AdPocket เท่ากับว่ายิ่งดูโฆษณา ยิ่งสไลด์จอมือถือ ผู้บริโภคก็ยิ่งได้
จุดเด่นของ AdPocket อยู่ที่นักการตลาดสามารถเลือกลงโฆษณาตามกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้เลย ไม่ว่าจะเป็น เพศ, อายุ หรือแม้แต่ยี่ห้อโทรศัพท์มือถือ แอปฯ นี้ยังมีรับทราบถึง Location ของผู้ใช้งานอีก ดังนั้น จะยิงโฆษณาไปหาใคร นักการตลาดจิ้มเลือกได้เลยว่าผู้รับโฆษณาเป็นคนที่ “ใช่” หรือไม่ นอกจากนี้ยังมีแพ็กเก็จให้เลือกหลายแบบจ่ายเงินตามผู้เห็นโฆษณา หรือจ่ายเงินเฉพาะผู้ที่ดาวน์โหลด แอปฯ ตามที่โฆษณา ก็มีให้เลือกตามสูตรการลงโฆษณาทั่วไปที่ฝ่ายมีเดียรู้กันดี ปิดท้ายด้วยในอนาคตกันใกล้จะโฆษณาในรูปแบบวิดีโอมาสร้างความตื่นตาตื่นใจ ซึ่งขณะนี้นักการตลาดสนใจรูปแบบนี้กันเป็นอย่างมาก
ธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คลิกทูบิซ จำกัด กล่าวว่า “ผู้ใช้งานแอปพลิเคชั่น AdPocket มีแนวโน้มที่จะปฏิเสธโฆษณาน้อย เพราะถ้าเขาปฏิเสธก็คงไม่ยอมใช้งานแอปฯ ตั้งแต่แรก ซึ่งในขณะนี้เพียงแค่ Soft Launch ช่วงทดลอง 2 อาทิตย์ ก็มีผู้ดาวน์โหลดไปแล้วประมาณ 40,000 คน เมื่อเราทำตลาดเต็มที่ก็น่าจะได้ผู้ใช้งานตามเป้าหมายที่วางไว้”
วิธีการทำตลาด จะเดินหน้าเพิ่มผู้ใช้งานและจำนวนลูกค้าไปพร้อมๆ กัน เพราะทั้งสองส่วนมีความเกี่ยวพันกัน ผู้ลงโฆษณาเองก็อยากให้ผู้ใช้งานแอปฯ จำนวนมาก ฝั่งผู้ใช้งานก็อยากให้มีโฆษณาหลากหลายเพราะจะได้มีแต้มมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง คลิกทูบิซ จึงจับมือเป็นพันธมิตรกับ เอ้ก ดิจิทัล ซึ่งมีฐานผู้ใช้งานบริการอื่นๆ อยู่แล้วถึง 42 ล้านเลขหมาย รวมทั้งมีลูกค้าที่มีความสนใจในการลงโฆษณาบนโทรศัพท์มือถืออยู่แล้ว การจับมือเป็นพันธมิตรกันจึงทำให้เชื่อว่าจะผลักดันให้ AdPocket เป็นที่รู้จักในวงกว้างได้รวดเร็วมากขึ้น และบรรลุเป้าหมาย มีผู้ใช้แอปฯ ไม่น้อยกว่า 4 ล้านคนภายในปี 2559 และเชื่อมั่นว่าจะสามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดในอุตสาหกรรมสื่อดิจิตอลได้ไม่น้อยกว่า 4 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 400 ล้านบาทในปี 2559 ด้วยงบการตลาดทั้งสิ้น 50 ล้านบาท ในช่วงแรกของการทำตลาดจะเน้นไปที่การใช้โปรโมชั่นนำเสนอสิทธิพิเศษต่างๆ กระตุ้นให้เกิดการดาวน์โหลดให้มากที่สุด
Reward Ads เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้นักการตลาดได้ใช้เป็นเครื่องมือเข้าถึงผู้บริโภค นำเสนอสิทธิประโยชน์แลกกับความสนใจในโฆษณา โดยในเกาหลีใต้เครื่องมือนี้พาผู้บริโภคไปไกลถึงขนาดปิดการซื้อขายในรูปแบบโมบายล์-คอมเมิร์ซได้เลย และในฐานะเจ้าของแพล็ตฟอร์มนี้พาร์ทเนอร์ทั้ง 3 ราย ก็คาดว่าจะเกิดขึ้นในประเทศไทยเช่นกัน
ธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คลิกทูบิซ จำกัด
Did you know?
– ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน 36 ล้านคน 73% เป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
– Lock-Screen-Ads ทำได้เฉพาะในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เท่านั้น เพราะไอโอเอสมีข้อจำกัดเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
– ฟิวเจอร์สตรีม เน็ทเวิร์คส เป็นเจ้าของเทคโนโลยี AdPocket ในเกาหลีใต้ ปัจจุบันมีผู้ใช้งานแล้ว 20 ล้านคน นอกจากประเทศไทยแล้ว มีแผนเดินหน้าเปิดตัวที่ประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป
– คาดการณ์ว่ามูลค่าสื่อโฆษณาดิจิตอลในประเทศไทยปีนี้น่าจะอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท และขยับขึ้นเป็น 10,000 ล้านบาทในปี 2559