เคทีซี (KTC) ชี้ทิศทางธุรกิจปี 2559 เดินเครื่องเต็มที่ โดยจะคงสัดส่วนกำไร เพื่อเทงบไปมุ่งทำการตลาดธุรกิจหลัก หวังเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาองค์กร 3 แกนหลัก เพื่อสนับสนุนให้เคทีซีเติบโตอย่างยั่งยืน คือ เรื่องคน ระบบไอที และปรับปรุงกระบวนการทำงานแบบองค์รวม
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ที่ผ่านมาเคทีซียังสามารถบริหารจัดการธุรกิจได้ในระดับที่น่าพอใจ โดยสร้างผลกำไรได้ดีต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีแรงต้านจากสภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้อยู่บ้าง แต่เราก็สามารถปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ จนมีตัวเลขหลายตัวดีกว่าอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเติบโตที่ 11.9% เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 7.3% หรืออัตราของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของบัตรเครดิตที่ลดต่ำเหลือเพียง 1.4% เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 3.4% และNPL ของสินเชื่อบุคคลที่ต่ำสุดเพียง 1.0% เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 5.2% โดยผลกำไรล่าสุด 9 เดือนของปี 2558 เท่ากับ 1,538 ล้านบาท”
“สำหรับทิศทางในปี 2559 ที่กำลังจะมาถึง เป็นจังหวะที่ดีที่บริษัทฯ จะมุ่งทำการตลาดให้เข้มข้นขึ้นทุกธุรกิจหลักแบบองค์รวมและสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว ทั้งธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจสินเชื่อบุคคล ธุรกิจร้านค้า การบริหารช่องทางจัดจำหน่าย และออนไลน์ โดยจะรักษาสัดส่วนของผลกำไรให้คงที่ และจัดสรรงบการตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้เป็น 15% โดยจะเน้นทำการตลาดตอบแทนสมาชิกเคทีซีในหลายรูปแบบ ให้สมาชิกมีประสบการณ์ตรงจากการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการเคทีซีแล้วเกิดความประทับใจ และผูกพันกับเรายาวนาน ด้วยเป้าหมายหลักคือ เพื่อให้บัตรเคทีซีเป็นบัตรที่สมาชิกใช้เป็นหลัก (Default Card) นอกจากนี้ จะพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปกับสมาชิกด้วย 3 แกนหลัก คือ เรื่องคน ระบบไอที และการปรับปรุงกระบวนการทำงานในองค์กรแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อความกระชับและปรับลดขั้นตอนการทำงานให้เหมาะสมและมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น”
นายชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส – คอร์ปอเรท ไฟแนนซ์ “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สถานะทางการเงินของเคทีซีในปี 2558 เข้มแข็งมาก และน่าจะส่งผลดีต่อเนื่องถึงปี 2559 ประกอบกับอีกหลายปัจจัยที่สนับสนุน จะมีส่วนทำให้บริษัทฯ มีสภาพคล่องสูงและมีการบริหารจัดการเงินที่ดีขึ้น ทั้งจากการที่เคทีซีได้รับการจากปรับอันดับจากทริส เรทติ้ง จาก BBB+ เป็น A- ทำให้ต้นทุนทางการเงินต่ำลง และยังเป็นช่วงจังหวะที่ดอกเบี้ยต่ำ และสภาพเศรษฐกิจโดยรวมในปีหน้าที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ ในปี 2559 เคทีซียังมีแผนจะออกหุ้นกู้ในระยะต่างๆ ที่จำเป็นและเหมาะสม โดยเน้นให้มีต้นทุนทางการเงินในระดับ 4% หรือต่ำกว่า โดยในปีนี้
บริษัทฯ ได้เริ่มออกหุ้นกู้ระยะยาวให้กับนักลงทุนสถาบันเป็นครั้งแรก เป็นหุ้นกู้ระยะยาว 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี ซึ่งบริษัทฯ ไม่เคยออกหุ้นกู้ระยะนี้มาก่อน โดยล่าสุดได้ออกหุ้นกู้ 1,000 ล้านบาท ระยะยาว 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.90% ให้กับนักลงทุนสถาบัน ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก บริษัทฯ คาดว่าผลกำไรในปี 2559 น่าจะปิดได้ในระดับ 2 พันล้านบาท”
นางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – ธุรกิจบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกลยุทธ์การตลาดธุรกิจบัตรเครดิตในปี 2559 ว่า “เคทีซียังคงยึดกลยุทธ์รุกฐานสมาชิกกลุ่มบน ซึ่งหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายคือ สมาชิกไฮเน็ทเวิร์ธของธนาคารกรุงไทย โดยขยายฐานพันธมิตรร้านค้าไฮเอนด์มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของสมาชิกกลุ่มพรีเมี่ยม นอกจากนี้ เคทีซียังให้ความสำคัญกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตสูงมาก ทั้งนี้ การคัดสรรแคมเปญการตลาดจะยังคงให้ความสำคัญกับการกระตุ้นยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในหมวดหลักๆ ไม่เฉพาะแต่หมวดกิน ช้อป เที่ยวเท่านั้น แต่จะให้ความสำคัญกับการตลาดในส่วนภูมิภาค ซึ่งเคทีซีมีความแข็งแกร่งทั้งในด้านฐานสมาชิกและพันธมิตรร้านค้า สำหรับกลยุทธ์การพิชิตใจสมาชิก เคทีซียังได้วางแผนจัดกิจกรรมที่เป็นการสร้าง Customer Experience ตลอดทั้งปี รวมถึงการพัฒนามาตรฐานเรื่องการให้บริการ ความปลอดภัยในการใช้บัตรเครดิต ความสะดวกสบาย ช่องทางการสื่อสารกับสมาชิก ซึ่งจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนระหว่างสมาชิกบัตรและเคทีซี โดยสิ้นปี 2559 เคทีซีมีเป้าหมายการเติบโตที่ 15% เท่ากับยอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ประมาณ 170,000 ล้านบาท”
นางสาวสุดาพร จันทร์วัฒนากุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – ธุรกิจสินเชื่อบุคคล “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกลยุทธ์การตลาดของธุรกิจสินเชื่อบุคคล ในปี 2559 ว่า “เคทีซีจะเน้นทำการตลาดธุรกิจสินเชื่อบุคคลใน 4 ด้าน คือ 1) มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบสนองตรงตามความต้องการของลูกค้า 2) ให้บริการ Cash @ Touch ภายใน 30 นาที หรือการอนุมัติสินเชื่อพร้อมใช้ภายใน 30 นาที อย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้สมัครที่ศูนย์บริการลูกค้า “เคทีซี ทัช” เพื่อสนับสนุนเสียงตอบรับของสมาชิกใหม่ที่ให้ความสนใจ และเพิ่มบริการต่างๆ ของออนไลน์ให้มากขึ้น เช่น การเบิกถอนเงินสด 3) เพิ่มสิทธิพิเศษติดบัตรมากขึ้น หรือข้อเสนอพิเศษต่างๆ ให้กับสมาชิกมากขึ้น โดยร่วมกับพันธมิตรธุรกิจ เช่น คะแนนน้อยแลกของต่างๆ 4) การหาสมาชิกใหม่ผ่านพันธมิตรการตลาดต่างๆ นอกเหนือจากการหาสมาชิกผ่านช่องทางจัดจำหน่ายที่มีอยู่ 5) การดูแลพอร์ตลูกหนี้แบบ 360 องศา ตั้งแต่เริ่มเป็นสมาชิกใหม่ โดยจะสร้างสรรค์โปรแกรมใหม่ๆ มาสนับสนุนตลอดทั้งปี ทั้งนี้ ในปี 2559 บริษัทฯ มีเป้าหมายการเติบโตของพอร์ตธุรกิจสินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 15%”
นายปิยศักดิ์ เตชะเสน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส – ช่องทางการจัดจำหน่าย และธุรกิจร้านค้า “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกลยุทธ์การบริหารช่องทางจัดจำหน่ายและธุรกิจร้านค้าในปี 2559 ว่า “เคทีซียังคงมุ่งเน้นการขยายฐานสมาชิกใหม่ไปยังกลุ่มคนเริ่มทำงาน คนรุ่นใหม่ และมุ่งเน้นไปที่ต่างจังหวัดและผู้มีรายได้ 40,000 บาทขึ้นไป โดยผ่านช่องทางของธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ และตัวแทนขาย รวมทั้งการหาโอกาสใหม่ๆ ในการเพิ่มสมาชิกจากบูธเซลส์ ช่องทางออนไลน์ การแนะนำของพันธมิตรทางธุรกิจและจากฝ่ายการตลาดของเคทีซี โดยตั้งเป้าจำนวนสมาชิกใหม่ของเคทีซีในปี 2559 เท่ากับ 546,000 ราย แบ่งเป็นสมาชิกบัตรเครดิต 400,000 ราย และสินเชื่อบุคคล 146,000 ราย”
“ในส่วนของธุรกิจร้านค้าในปี 2559 เคทีซีจะยังเน้นทำงานร่วมกับธนาคารกรุงไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจร้านค้ารับบัตรให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการรุกเข้าไปเจาะตลาดใหม่ ทั้งธุรกิจประเภทใหม่และการขยายสู่ตลาดต่างจังหวัด โดยมุ่งเน้นทำการตลาดแบบแบ่งชำระและการชำระเต็มจำนวน พร้อมทั้งเดินหน้ารุกเข้าธุรกิจออนไลน์โดยการนำเสนอบริการ KTC Pay เพื่อตอบสนองการทำการชำระเงินสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซและเอ็มคอมเมิร์ซ พร้อมเสนอบริการ KTC Payment Solutions ที่เหมาะสมกับประเภทธุรกิจของคู่ค้า มุ่งเน้นการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างเคทีซีและคู่ค้า ให้การทำธุรกิจระหว่างเคทีซีกับคู่ค้าเป็นเรื่องง่าย นอกจากนี้ร้านค้าทุกประเภทจะได้รับการดูแลคู่ค้าอย่างใกล้ชิด โดยทีมการตลาดและทีมขาย รวมถึงการร่วมวางแผนและหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ร่วมกัน” นายปิยศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติม