ภายในงานเปิดตัว AIS 4G ADVANCED ซึ่งถือเป็นการประกาศครั้งสำคัญว่า เอไอเอสพร้อมให้บริการ 4G อย่างเต็มรูปแบบแล้ว 42 จังหวัด ทุกภาคทั่วไทย และภายในอีก 120 วัน ก็จำเปิดให้บริการครอบคลุมทุกจังหวัด ซึ่งถือว่าติดสปีดการให้บริการเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว ไม่ใช่แค่เรื่องความเร็วเท่านั้น แต่เอไอเอส ยังมีจุดเด่นอีก 4 ด้าน เพื่อรองรับการใช้งานของลูกค้าที่ทุกวันนี้ต้องบอกว่าเป็นสงครามการใช้ดาต้าอย่างเต็มรูปแบบแล้ว
สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เล่าถึงภาพรวมที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่โอเปอเรเตอร์ของประเทศไทยให้บริการ 3G ว่า ทำให้เกิดปรากฏการณ์ เช่น มี Startups Digital Economy จดทะเบียนเพิ่มขึ้น 300 ราย และจากการเก็บข้อมูลของลูกค้าเอไอเอสที่เป็น Mobile Internet Usersจำนวน 20 ล้านราย พบว่า
– โดยเฉลี่ยใช้เวลากับโทรศัพท์มือถือถึง 5 ชั่วโมง/ วัน
– รับชมวิดีโอถึง 10 ล้านวิดีโอ/ วัน
– อัพโหลดรูปทั้งสิ้น 1.8 ล้านรูป/ วัน
จากพฤติกรรมดังกล่าว บวกกับการแข่งขันในธุรกิจซึ่งวันนี้ เอไอเอสต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายเมื่อมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้าสู่ตลาด และความเปลี่ยนแปลงของสัมปทาน ที่กว่า 25 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2533 ซึ่งเอไอเอสให้บริการเป็นครั้งแรก ใช้วิธีการทำสัญญากับ TOT แต่ปีนี้เป็นจะเปลี่ยนไปอยู่ภายใต้การดำเนินงานกับกสทช.
สมชัย จึงบอกว่า วันนี้เอไอเอส ไม่ใช่แค่ต้องทำงานให้ทันกับความต้องการของผู้บริโภค แต่ต้อง Beyondโดยดึงความเป็นเลิศของเอไอเอส 4 ด้าน มาเป็นจุดขายหลัก
1. Best Network ซึ่งเป็นจุดแข็งหลักมาโดยตลอด นับจากนี้เอไอเอสต้องเร็วที่สุด ด้วยเทคโนโลยี LTE Advancedบนคลื่นความถี่ 1800 MHz และ 2100MHz และ แรงที่สุด ด้วยสถานี 7,000 แห่ง โครงข่ายใยแก้วในแสง 150,000 กิโลเมตร ครอบคลุมทั้งในและนอกอาคาร ส่วนที่บอกว่าต้อง Beyond ก็คือ ถึงแม้ว่าวันนี้ดีไวซ์จะยังไม่รองรับ แต่เอไอเอสก็จับมือกับ Huawei เตรียมพร้อมให้เน็ตเวิร์คเตรียมพร้อมไว้แล้ว ให้สามารถ Download ได้ 400 MB/ sec และ Upload 50 MB/ sec ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นเครื่องจำลองแต่ก็วางแผนว่าจะพัฒนาดีไวซ์ที่ให้งานความเร็วขนาดนี้ออกมาจริงเพื่อวางจำหน่ายในตลาดให้ได้
2. Best Applications เพราะเครือข่ายเป็นแค่ถนน แต่ไม่มีประโยชน์เลยถ้าไม่มีแอปพลิเคชั่นและคอนเทนท์ที่ สนุกที่สุด ตอบสนองทั้งชีวิตส่วนตัวและโลกการทำงาน เอไอเอสแนะนำ AIS Play ซึ่งรวบรวมวิดีโอคอนเทนท์ทั่วโลก เน้นคอนเทนท์ของเมืองไทย รวมแล้วมีช่องทีวี 100 ช่อง สามารถดูย้อนหลังได้ 7 วัน, หนัง ละคร อีก 3,000 ชั่วโมงจากพาร์ทเนอร์ ทั้งคอนเทนท์เอนเตอร์เทนเมนต์, การศึกษา และสร้างแรงบันดาลใจ ร่วมมือกับพันธมิตรสร้างสรรค์คอนเทนท์ขึ้นมาเพื่อให้เหมาะกับการรับชมบนโมบายล์ ดีไวซ์ ภายในงานเปิดตัว มีเคสตัวอย่างสุดเซอร์ไพร์ส เมื่อ Amanda Cars นักปั่นสาวชาวไทย ปรากฏตัวขึ้นพร้อมจักรยานคู่ใจ และปั่นขึ้นบนเวที เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าภาพจากกล้องที่ติดอยู่บนหมวกของเธอ สามารถให้ประสบการณ์การรับชมสุดมันขนาดไหน นอกจากนี้ยังมี AIS Cloud+ ที่มาพร้อมความปลอดภัยขั้นสูง มีพื้นที่ 100 GB และใช้ได้ฟรี จนถึง 31 ธันวาคม 2559
3. Best Services ก่อนหน้านี้ เอไอเอส เดินหน้าปรับปรุงShop ให้มีความ Exclusive มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มจำนวนทั้งในรูปแบบของShop ของเอไอเอสโดยตรง, Service Outlets Partners และ Retail Outlets Partners ซึ่งมีมากกว่า 2,000 และ 15,000 แห่งตามลำดับ
4. Best People ทำตัวให้เป็นคนที่ดีที่สุดเพื่อรองรับลูกค้าให้ได้ นับตั้งแต่ 3G เอไอเอสก็สามารถให้บริการ ลูกค้า 45 ล้านคน ภายใต้คลื่นความถี่ 15 MHz แบ่งเป็น คนไทย 38 ล้าน บวกกับชาวต่างชาติที่เหลือ ถือเป็นการโชว์ศักยภาพของเอไอเอส ที่มีปริมาณคลื่นน้อยกว่าคู่แข่ง แต่ก็ทำงานได้ครอบคลุม เพราะมีความเชี่ยวชาญในการบริหารทรัพยากร รวมทั้งลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเอไอเอสก็จะดึงเอาศักยภาพนั้นมาใช้ในการบริการความถี่ในยุค 4G เช่นกัน
“จากเป้าหมายของเราในการเป็น Digital Life Service Provider ที่มุ่งมั่นจะมอบบริการยุคดิจิทัลที่ดีที่สุดให้แก่คนไทย ทำให้ที่ผ่านมาเราได้เตรียมการเพื่อรองรับการมาถึงของ 4G อย่างครบถ้วน ดังนั้นวินาทีแรกที่ได้รับใบอนุญาตคลื่น 1800 MHz ชาวเอไอเอส กว่า 12,000 ชีวิต จึงเร่งทำงานอย่างไม่ยอมเสียเวลา เพราะตระหนักดีถึงหน้าที่ในการเร่งนำเทคโนโลยี 4G ที่เชื่อมั่นได้ในเรื่องของคุณภาพทุกด้านมาให้บริการอย่างรวดเร็วที่สุด ทั้งจากการออกแบบเครือข่ายโดยวิศวกรมืออาชีพ, ความพร้อมของงานบริการลูกค้ายุค 4G ในทุกจุด, Digital Service และ Content, การเตรียม Device ที่ตอบโจทย์ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่สร้างความมั่นใจได้ว่า AIS 4G ADVANCED พร้อมจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านสื่อสารโทรคมนาคมสมบูรณ์แบบ ที่จะสนับสนุนและยกระดับการเติบโตทุกด้านของประเทศ ทั้งเศรษฐกิจภาพรวมจากการลงทุนต่อเนื่อง, การเปิดโอกาสใหม่ๆให้แก่ ผู้ประกอบการทุกระดับ ตั้งแต่ StartUp ไปจนถึงองค์กรรัฐและเอกชน ที่หมายรวมถึง Social Enterprise ที่จะทำให้ประเทศไทยเกิดความยั่งยืนต่อไป” สมชัย กล่าว