เปิดโลกการเรียนรู้ใหม่เกี่ยวกับนิยามของการออกแบบที่จะนำพาสังคมไทยไปสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน ผ่านการเล่าเรื่องบน Interactive Wall มิติใหม่แห่งการสื่อสารในนิทรรศการยุคดิจิทัลที่ทำให้การสื่อสารเป็นเรื่องง่ายต่อการเข้าใจ และสร้างให้เกิดประสบการณ์ร่วมกันระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสารenos
JENOSIZE ผู้ที่นำเทคโนโลยีการนำเสนอนิทรรศการรูปแบบใหม่ผ่านทาง Interactive Wall มาประยุกต์ใช้กับงานนิทรรศการระดับสากลด้วยเทคนิคระบบสัมผัส (Capacitive Sensor) ให้ผู้เข้าชมงานได้มีโอกาสเข้าถึงและทำความเข้าใจกับเรื่องราวที่นำเสนอในรูปแบบ Interactive Infographic เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวกับการถ่ายทอดผลงาน Interactive Design Story ลงบนผนังนิทรรศการ ภายในงาน Thailand Innovation and Design Expo 2015 และงาน BIG&BIH October 2015 ที่สร้างประสบการณ์ใหม่ของการเล่าเรื่องได้อย่างตื่นตาตื่นใจ และแปลกใหม่ไปจากเดิม
ทำไมต้อง Interactive Wall
เพราะการเล่าเรื่องเกี่ยวกับงานดีไซน์ส่วนใหญ่ เป็นการสื่อสารสิ่งที่เป็นนามธรรม รวมถึงแนวความคิดที่จับต้องได้ยาก JENOSIZE จึงได้ออกวิธีการนำเสนอด้วยเทคโนโลยี Interactive wall เข้ามาใช้เพื่อดึงดูดผู้ชมหรือผู้รับสารให้เข้ามาสัมผัสกับแนวความคิด จินตนาการที่เป็นจริงได้ด้วยตนเอง ผ่านปลายนิ้วของผู้ชมที่เข้ามาสัมผัสเรื่องราวของนิทรรศการ ซึ่งจะปรากฏออกมาในรูปแบบแสง สี และเสียง ที่เคลื่อนไหวอย่างมีมิติ ราวกับมีคนออกมาถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้นกับผู้ชมอยู่จริง การออกแบบบอร์ดนิทรรศการนี้จัดทำขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่ซ่อนความพิเศษไว้ภายใน ให้ผู้ชมได้ตื่นเต้นไปตลอดการรับชม ด้วยกลวิธีในการสื่อสารที่ไม่ซับซ้อน มีความกระชับ และใช้ภาพประกอบที่แทบไม่ต้องใช้ตัวอักษรอธิบาย ผู้ชมก็สามารถเข้าใจเนื้อหาที่ต้องการสื่อสารได้ทันที ซึ่งช่วยกระตุ้นการรับรู้ได้มากกว่าการเข้ามายืนอ่านบอร์ดนิทรรศการที่เป็นตัวอักษรทั่วๆไปอย่างมาก
เพิ่มคุณค่าสู่ผู้รับสาร เพิ่มมูลค่าสู่นักออกแบบ
JENOSIZE ได้พลิกวิธีการสื่อสารที่ตอบโจทย์คนยุคดิจิทัลด้วยการกระตุ้นความสนใจ การสร้างประสบการณ์ร่วมเพื่อให้เกิดการจดจำ โดยการย่อยองค์ความรู้และแนวคิดออกมาเป็นภาพ และนำเอาเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัยมาย่นระยะเวลาในการรับสารของผู้ชม ด้วยการเชิญนักออกแบบ มาถ่ายทอดเรื่องราวให้ผู้ชมรับฟังด้วยตนเองผ่านทางระบบจอสัมผัส (Touch Screen Application)
อีกทั้งยังสร้างโมเดลความคิดใหม่เกี่ยวกับการออกแบบเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจไทยผ่านทางระบบ Interactive Wall ยิ่งชวนให้ผู้ชมสงสัยและอยากเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยตัวเอง นี่แหละคือมูลค่าเพิ่มที่ผู้รับสารได้รับเพราะเมื่อพวกเขารับรู้ จดจำ และเข้าใจกระบวนการหรือเรื่องราวที่สื่อสารได้ ก็จะสามารถนำความรู้นี้ไปประยุกต์ใช้ได้ เนื่องจากการสร้างสรรค์นิทรรศการแต่ละครั้งไม่ใช่แค่การสื่อสารทางเดียวที่บอกว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร แต่เราต้องให้คุณค่ากับสารนั้นๆ เพื่อให้เกิดการสื่อสารสองทาง (2 Way communication) ทำให้ผู้รับสารได้รับประโยชน์จากเรื่องราวเหล่านั้นอย่างแท้จริง ดังนั้นการสร้างประสบการณ์ร่วม (Impact Engagement Experience) อันน่าสนุกจึงเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานสร้างสรรค์ Interactive Wall
นิทรรศการ Design Service Society ในงาน Thailand Innovation and Design Expo 2015 และงาน BIG+BIH Oct 2015 โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับ สมาคมนักออกแบบอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ สมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย เป็นโครงการสำคัญที่จะช่วยต่อยอดพัฒนา และสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าเพื่อการแข่งขันของภาคธุรกิจ นำพาประเทศไปสู่การยกระดับเศรษฐกิจและส่งออกได้อย่างยั่งยืน มีผู้เข้ามาขอรับคำปรึกษาเรื่องงานออกแบบจากนักออกแบบที่เชิญให้มาเข้าร่วมกิจกรรมภายในโครงการ Design Service Society กว่า 142 ราย และได้รับความสนใจในการเผยแพร่ข่าวสาร ซึ่งคิดเป็นมูลค่าการประชาสัมพันธ์ถึง 6.5 ล้านบาท ตลอดจนมีผู้ให้ความสนใจ Interactive Wall กว่า 10,000 ราย ตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ของการจัดงาน ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของการนำเสนอนิทรรศการในยุคดิจิทัลที่ช่วยการสร้างประสบการณ์ร่วมกันระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสารได้เป็นอย่างดี
สร้างรูปแบบใหม่แห่งการสื่อสารนิทรรศการให้มีมิติและโดนใจผู้รับสาร ด้วยการผสานไอเดียแนวคิด นอกกรอบเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลยุคใหม่ สู่ประสบการณ์ร่วมระหว่างผู้ชมและผู้ถ่ายทอด ฉีกกรอบนิทรรศการแบบเดิมๆที่เคยรู้จักด้วย Innovative Design by JENOSIZE