HomeSponsoredMy Burger เบอร์เกอร์สุดฮิตปลายปี 2015 ที่ทุกคนต้องไปโดน

My Burger เบอร์เกอร์สุดฮิตปลายปี 2015 ที่ทุกคนต้องไปโดน

แชร์ :

my burger mcdodald b (1)2

การสร้างประสบการณ์ (Experience) ในการทานอาหาร กลายเป็นความท้าทายของร้าน McDonald’s ไปซะแล้ว เพราะร้านอาหารแปลกๆ ใหม่ๆ ผุดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับในกรุงเทพมหานครที่เปิดรับวัฒนธรรมหลายหลาก จนทำให้เรื่องของกินของเรามีให้เลือกมากมาย การสร้างกระแสเรียกความสนใจของผู้บริโภคอยู่เสมอจึงกลายเป็นหนทางกระตุ้นตลาดของแบรนด์ที่อยู่ในเมืองไทยมากว่า 30 ปี จนเป็นแคมเปญ My Burger ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกที่ป๊อปอัพสโตร์สุดเทรนด์ ลานกิจกรรมศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และนี่คือ 5  เหตุผลที่ ที่คุณควรไปลองชิม “My Burger” จาก McDonald’s สักครั้ง

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

my burger mcdonald A (2)

1. Quality

เพราะว่าต้องการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เมนู “My Burger” 2 เมนูแรกที่ถูกหยิบมาแนะนำกับผู้บริโภคคนไทยจึง ประกอบด้วย เบอร์เกอร์ Angus Beef เนื้อนำเข้าจากออสเตรเลีย แถมยังมีความหนากว่าเนื้อปกติ และ Kurobuta เนื้อหมูนำเข้าจากญี่ปุ่น และนอกจากซอสปกติแล้ว ยังมีซอสน้ำตกให้เข้ากับรสชาติที่คนไทยคุ้นเคยอีกด้วย ส่วน Bun ขนมปังก็มีให้เลือกทั้งขนมปังแบบดั้งเดิม หรือจะเป็น Black Bun สีดำ ไม่ใช่แค่วัตถุดิบเท่านั้น แพ็กเก็จจิ้งก็ชิคจนแปลกตา เมื่อเบอร์เกอร์ถูกเสิร์ฟบน Wood Board เก๋ๆ ไม่ใช่ถาดพลาสติคแบบที่เห็นได้ในร้านทั่วไป กับแก้วเฟรนฟรายที่เพิ่มความรู้สึกพรีเมี่ยมมากขึ้น

my burger mcdonald A (3)

2. Personalization

ข้อนี้นี่เป็นพระเอกของแคมเปญการตลาด “My Burger” เลยละ เพราะนี่คือ เบอร์เกอร์ที่คุณมีส่วนสร้างสรรค์ด้วยตัวเอง ไม่จำกัดวัตถุดิบแค่เนื้อแองกัส หรือหมูคุโรบูตะเท่านั้น แต่ยัง Add on เพิ่มเติมท็อปปิ้งได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นตระกูลผักทั้งหลาย เช่น ผัดกาดแก้ว, เรดคอรัล, มะเขือเทศ, เห็ดแชมปิญอง หรือโปรตีน ไข่ดาว เบคอน แล้วแต่จะเลือกได้เลย

และหลังจากที่ได้ทดลองให้ผู้บริโภคได้แต่งเติมเบอร์เกอร์ตามที่ตัวเองต้องการแล้ว คอนเซ็ปท์นี้จำเริ่มลงสู่ตลาดจริงในปีหน้า โดยเริ่มจากสาขาใหญ่ๆ ที่มีพื้นที่ร้านกว้างๆ กับมีจำนวนลูกค้าในร้านมากพอ นับจากนี้เบอร์เกอร์ปกติของ McDonald’s ทุกเมนู ก็จะสามารถสั่งเพิ่มหรือลดวัตถุดิบได้ดั่งใจ รับเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ที่มีความต้องการเลือกในสิ่งที่ตนเองต้องการตามสไตล์ของตัวเอง

my burger mcdodald b (32)

3. Place and Atmosphere

ไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีร้านอาหารจับจองพื้นที่บริเวณกิจกรรมของเซ็นทรัลเวิล์ดแล้วเนรมิตร้านอาหารขึ้นมาได้ แต่ที่ ป็อปอัพสโตร์แห่งนี้เกิดจากความร่วมมือของ ซีพีเอ็น หรือ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำอุตสาหกรรมด้านศูนย์การค้าและแฟชั่น กับ McDonald’s ซึ่งต้องการสร้าง ความแปลกใหม่ที่ไม่เหมือนใครให้กับผู้บริโภค จึงกลายเป็นร้านอาหารพื้นที่กว่า 140 ตารางเมตร ซึ่งปกติแล้วตำแหน่งตั้งร้านไม่ได้ให้ใครได้ง่ายๆ จนกลายเป็นร้านแบบ Open Air ด้านข้างเปิดโล่งรับลมหนาวของเดือนธันวาคม ยามค่ำคืนก็มีการประดับไฟของทำเลราชประสงค์ช่วยสร้างบรรยากาศ

my burger mcdodald b (22)

4. Reward

เพื่อทำให้เกิดความพิเศษสุดกับลูกค้าที่มาใช้บริการ McDonald’s ป๊อปอัพสโตร์ งานนี้จึงเพิ่มเติมสิทธิพิเศษขอเพียงแค่ถือแก้วของ McDonald’s ก็เครื่องดื่มน้ำอัดลมของทางร้านได้ไม่อั้น ถือเป็น Reward ที่ให้กับลูกค้า ทั้งๆ ที่

การลงทุนตั้งร้านใช้งบประมาณไม่น้อย และบางส่วนเมื่อรื้อออกแล้วต้องทิ้งเลย ยิ่งเสิร์ฟเครื่องดื่มแบบนี้เอง ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขี้นบ่อยครั้งนัก ทริคเด็ดก็คือ สั่งอาหารทานให้อิ่ม ไปเดินเล่นถ่ายรูปเก็บบรรยากาศของเทศกาลเฉลิมฉลอง พอเหนื่อยหรือหิวน้ำก็กลับมาเติมเครื่องดื่มอีกรอบ แบบนี้ McDonald’s เขายินดี

my burger mcdonald A (1)

5. Social Media

ใครๆ ก็อยากมีตัวตนหรือว่าเท่กว่าคนอื่นทั้งนั้น ด้วยคอนเซ็ปท์ My Burger ทำให้เบอร์เกอร์ที่คุณสั่งจะเป็นเมนูเฉพาะตัวของคุณเท่านั้น ที่ผ่านมาจึงมีลูกค้าผู้หาญกล้า สั่งท็อปปิ้งดุเดือดกลายเป็นเบอร์เกอร์ชิ้นละ 600 กว่าบาท   หน้าตากลายเป็นเบอร์เกอร์ที่ซ้อนออกมาสูงลิ่ว แต่คิดสิ ว่าเบอร์เกอร์ชิ้นนี้ได้จะถูกอกถูกใจเพื่อนในโซเชี่ยลมีเดียแค่ไหน นี่แหละ…ที่ทำให้คุณต้องมาอวดรูปเบอร์เกอร์ ก้วนก้อนขนมปัง Black Bun ด้วยตัวคุณเอง นอกจากนี้ ทาง McDonald’s เขามีแฮชแท็กให้ร่วมสนุก โชว์เบอร์เกอร์ตามสไตล์ของแต่ละคนด้วยที่ลองเสิร์ชดูเลยที่  #MyBurger กระซิบนิดหนึ่งว่า ป๊อป อัพ สโตร์ แห่งนี้จะทำการเพียงแค่ 55 วัน ดังนั้นไปลองก่อน เป็นผู้นำเทรนด์ในกลุ่มเพื่อนก็จะเป็นการดี

my burger mcdodald b (4)

ทั้งหมดนี้คือ 5 เหตุผล ที่คนชิคๆ อย่างเรา ต้องไปลอง  My Burger สักครั้ง ป็อปอัพสโตร์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ ชั้น1 โซนสแควร์ E เซน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่ วันนี้ – 24 ม.ค. 2016 ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ถึง 23.00 น. ส่วนในวันเสาร์-อาทิตย์ เปิดให้บริการตั้งแต่ เที่ยงวัน ถึง 23.00 น. เช่นกัน ร่วมลิ้มลองความอร่อยในสไตล์ของคุณเองได้ตามเวลาดังกล่าว แถมพิเศษสุดๆ วันเคานท์ดาวน์ 31 ธันวาคม แมคโดนัลด์อยู่ร่วมฉลองข้ามปีกับทุกคน โดยเปิดตั้งแต่ เที่ยงวัน จนถึง ตีหนึ่งของวันที่ 1 มกราคม 2016 เลยทีเดียว

แต่ถ้าใครไม่สะดวกไปชิมที่เซ็นทรัลเวิลด์ ก็มีอีก 2 สาขา คือ สยามพารากอนและโรบินสัน สุขุมวิท ซึ่งตอนนี้เปิดให้บริการแล้ว ให้ไปโดนกันได้เลย ตั้งแต่เวลา 8.00น. – 20.00 น.  สามารถลองเป็นมื้อเช้าหรือจะเป็นมื้อปิดท้ายวันก็ได้ทั้งนั้น

[Advertorial]


แชร์ :

You may also like