สำหรับนักการตลาด ดิจิตอล (Digital) ถือเป็นเครื่องมือ/ช่องทางอันทรงพลัง สำหรับการทำการตลาดหรือสื่อสารกับผู้บริโภค ณ ชั่วโมงนี้ BrandBuffet.in.th สัมภาษณ์พิเศษกับ CJ Worx หนึ่งในดิจิตอลเอเจนซี่แถวหน้าของไทย โดย สหรัฐ สวัสดิ์อธิคม กรรมการผู้จัดการ/ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ มาอัพเดทสถาณการณ์ของดิจิตอล ปี 2016
จากปีที่ผ่านมาดิจิตอลถูกนำมาใช้เป็นช่องทางการปล่อยโฆษณาหรือปล่อยกิจกรรมเล่นๆแล้วจบไป คล้ายๆกับการยิงโฆษณาบนโทรทัศน์แล้วก็ผ่านไป แต่แกนหลักหรือ Core สำหรับปี 2016 เป็นต้นไป เน้นไปที่ Interaction on Conversation หมายถึง การทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคในแต่ละ “ประสบการณ์” ของผู้บริโภค (Customized Experience)
“โดยทางทฤษฏีคือการที่สามารถทำการส่งสารให้คนต่างกลุ่มต่างความต้องการให้ได้สารต่างกัน เช่นคนที่ไม่รู้จักสินค้ามาก่อนเค้าต้องได้รับโฆษณาเชิงแนะนำคุณสมบัติ แต่คนที่รู้จักสินค้าแล้วควรทำให้เค้าซื้อเพิ่มหรือใช้มากขึ้น แต่คนที่ใช้เยอะอยู่แล้วทำไงให้เค้าแนะนำเพื่อน แบบนี้คือตัวอย่างนึง”
#1 The Rise of New Internet User
The New Internet User หรือ ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตหน้าใหม่ หมายถึง คนที่เราไม่รู้ว่าเป็นใครในอดีตที่ใช้โมบายเข้าสู่โลกอินเตอร์เน็ต เช่น เด็ก แม่ค้าในตลาด คนขับรถ ซึ่งกระจายอยู่ทั้งหัวเมืองใหญ่และหัวเมืองเล็กๆ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ คือ มือถือสมาร์ทโฟนราคาถูกลง และหาซื้อได้ง่าย จำนวน The New Internet User ปัจจุบันเทียบเท่ากับ Old internet User และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลทำให้ประชากรผู้ใช้อินเตอร์เน็ตรวม (Internet Population ) ใหญ่ขึ้นมาก
#2 อะไรก็ต้อง Mobile First
จากการเพิ่มจำนวนของ The New Internet User ซึ่งโดยส่วนใหญ่ใช้มือถือหรือสมาร์ทโฟนเป็นหลัก จากสถิติ 3 ปีที่แล้วสัดส่วนการเข้าเว็บไซต์ผ่านโมบายมีเพียง 5% แต่ปัจจุบัน 50-70% ทำการตลาดใดๆต้อง Mobile First ทั้งรูปแบบเว็บ โฆษณา แบนเนอร์ เป็นต้น เนื่องจากกลุ่มนี้ไม่มีคอมพิวเตอร์ มีแต่มือถือ ดังนั้นต้องออกอะไรก็ตามต้องเป็น Mobile ก่อน ไม่มีเวอร์ชั่น Desktop ไม่เป็นไร แต่ไม่มี Mobile ไม่ได้
#3 เกมส์เปลี่ยน Digital Leads
ตลาดหุ้นร่วง เศรษฐกิจทั้งในประเทศและทั่วโลกไม่เสถียรมากนัก ส่งผลทำให้การจับจ่ายของผู้คนก็ลดลง การทำโฆษณาต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ ลูกค้า(แบรนด์)จะ Switch งานเข้าสู่ดิจิตอล เนื่องจากปลอดภัยกว่าในเชิงการลงทุน อีกทั้งดิจิตอลสามารถเข้าถึงกลุ่มระดับล่างได้แล้วด้วย Mobile จากเดิมที่เข้าถึงด้วยทีวี วิทยุชุมชน เป็นต้น แต่ปัจจุบันมีตัวเลือกเพิ่มเติมเข้าถึงด้วยดิจิตอล
ทำให้ลูกค้านำ Digital มาเป็นตัวนำ หรือเป็น Lead แคมเปญ จากนั้นใช้สื่อ Above the line อย่าง ทีวี , วิทยุ , บิลบอร์ด เป็นส่วนซัพพอร์ตของแคมเปญ (ในบางรายบางแคมเปญ) การใช้ Above the line หรือ Traditional ยังคงมีอยู่แต่ค่อยๆลดสัดส่วนลงเรื่อยๆ จนเข้ามาสู่ Digital Lead ทั้งหมด
“การทำดิจิตอลไม่เหมือนกับการทำโฆษณาสมัยก่อน Above the line จะทำแค่ส่วนเริ่มต้นเท่านั้นแต่ไม่สามารถไปสุดทางตลอด Consumer Journey ได้ แต่ดิจิตอลสามารถทำได้ตั้งแต่ต้น กลางทาง จนถึงปลายทาง สินค้าบางราย”
#4 ศาสตร์ Digital PR
การทำ PR หรือ ประชาสัมพันธ์ในโลกดิจิตอล (Digital PR) ไม่เหมือนกับโลก Traditional ที่สร้างข่าวประชาสัมพันธ์ไปยังสำนักข่าวต่างๆ เนื่องจากประชาชนฉลาดขึ้น แยกแยะ ข่าวประชาสัมพันธ์สินค้ากับข้อมูลได้ Digital PR คือ การผสมผสานระหว่างศาสตร์ของโซเซี่ยลมีเดียกับงานข่าวเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิด Interaction กับผู้รับสาร เช่น Like Comment Share และกลายเป็น Conversation หากบทความหรือคอนเท้นท์ไหนที่ไม่ตรงกับความสนใจพวกเขาจะไม่มีปฏิสัมพันธ์ ซึ่งส่งผลทำให้ไม่เกิดกระแสหรือแรงกระเพื่อมในโลกโซเซี่ยลมีเดีย คำว่า Digital PR และ Conversation จึงมาแรงกว่าทุกๆครั้ง
#5 บ๊ายบาย Seeding
Seeding หมายถึง การปลอมตัวเป็นผู้บริโภคเข้าไปชื่นชมสินค้าของตนเองในโลกออนไลน์ (ประเทศพัฒนาแล้วจะไม่ค่อยทำ) จะลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากมีการจับม้า(หน้าม้าอวยสินค้า) และส่งผลเสียหายต่อแบรนด์เมื่อโดนจับได้ แต่จะหันไปทำ Sponsored Review บนพันทิพย์แทน การขายสินค้าต้องตรงๆแบบบริสุทธิ์ใจ แต่ต้องไม่ขายจนเกินไป สิ่งที่ให้ไปต้องมี Value มีประโยชน์ต่อพวกเขาด้วย แบบ win-win
#6 Video ยังไปได้สวย
พื้นฐานของวิธีการสื่อสาร ได้แก่ ข้อความ ภาพนิ่ง และวีดีโอ ซึ่งคอนเท้นท์ในรูปแบบวีดีโอ (Video) ยังคงอยู่แน่นอน ยังไม่มีสัญญานว่าจะลดลงหรือมีตัวไหนมาแทนที่ได้ มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นทั้งในแง่เม็ดเงินที่นักการตลาดลงทุนเพิ่มเติม และ คุณภาพของวีดีโอก็ยังดีขึ้นด้วยเช่นกัน
จึงทำให้ Facebook video กับ Youtube ยังมีแนวโน้มโดดเด่นทั้งสองแพลตฟอร์ม หากต้องการได้ประสิทธิภาพด้านราคา Facebook Video ทำได้ดีกว่า แต่ไม่สามารถค้นหาวิดีโอได้เนื่องจากยังไม่มีศูนย์กลางค้นหาวีดีโอ ขณะที่ Youtube สามารถค้นหาได้ มีตัวเลขสถิติบนโลกออนไลน์ชัดเจน พร้อมกับมี Related Search และ โชว์โฆษณาใกล้เคียงกับสิ่งที่กำลังดูอยู่ ส่วน Line Sticker มีแนวโน้มลดลง เพราะมีตัวเลือกอื่นที่ effective กว่า
#7 ผงชูรส VR
เทคโนโลยีที่ใช้ในโฆษณาจะค่อยๆหายไป เช่น QR Code หรือ Facebook App แต่ถูกนำไปใช้ในเชิงการใช้งานมากกว่า อย่าง VR (virtual reality) จะถูกพูดถึงกันกว้างขวางในปีที่ผ่านมาแต่ยังน่าสงสัยถึงการนำมาใช้งานเชิงโฆษณา เนื่องจากเดิมเคยถูกมองว่าเป็นแค่กิมมิค ไม่ได้มีผลต่อการรับรู้อะไรต่อผู้บริโภค หรือเรียกว่าเป็นแค่ผงชูรส ซึ่งรสจริงๆ แต่ยังไม่น่าใช่ Revolution ของตลาด
#8 Programmatic มาแล้ววว
Programmatic Advertising ระบบจัดการและวางแผนโฆษณา เครื่องมือที่ช่วย Optimize โฆษณาได้อัตโนมัติ จากเดิมที่ใช้สมองคนมือมนุษย์ในการบริหารจัดการ ในต่างประเทศใช้กันอย่างแพร่หลาย ส่วนในประเทศไทยเริ่มมาใช้กันบ้างแล้วในเอเจนซี่
สุดท้าย ณ วันนี้แบรนด์ไหนยังไม่เริ่มต้นกับดิจิตอล คงต้องระวังให้ดี เนื่องจากผู้บริโภคอยู่กับดิจิตอลไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมงผ่านมือถือ ใช้เฟซบุ๊ค อ่านสิ่งที่คนอื่นแชร์ ถ้าแบรนด์ไม่ได้อยู่ในช่องทางเหล่านั้น คุณจะเสียโอกาสที่ผู้บริโภคไม่เห็นคุณ ตัวอย่างของ SMEs ในปัจจุบันก็เริ่มเข้าสู่ดิจิตอลจาก Facebook และ Google Ads จนประสบความสำเร็จ
[xyz-ihs snippet=”LINE”]