มีข่าวลือหลุดออกมาว่า Facebook กำลังจะเริ่มให้มีการโฆษณาทาง Messenger ในไตรมาสที่ 2 ปี 2016 นี้ โดยแหล่งข่าวซึ่งได้มาโดย TechCrunch (แต่ยังปิดเป็นความลับถึงที่มาของแหล่งข่าว) กล่าวว่า อีกไม่นานแบรนด์จะสามารถส่งข้อความที่เป็นการโฆษณาหากลุ่มเป้าหมายของพวกเขาผ่านทาง Messenger โดยเป็นคนที่เคยมีประวัติสนทนากับแบรนด์มาก่อนหน้า ดังนั้นเพื่อการเตรียมการ แหล่งข่าวแนะนำให้แบรนด์ต่างๆ เริ่มแชทกับลูกค้าของตนเองตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อที่จะได้ส่งโฆษณาให้พวกเขาได้เมื่อ Facebook ปล่อยฟังก์ชั่นนี้ออกมา
แหล่งข่าวยังระบุว่า Facebook จะปล่อย Short link สำหรับการเปิดไปยังหน้าแชทโดยตรงสำหรับแบรนด์ต่างๆ เพื่อให้ง่ายและสะดวกในการคลิกลิงค์แล้วไปยังหน้าสนทนาของแบรนด์นั้นๆ ทันที ซึ่ง Facebook ออกมายอมรับข้อนี้แล้วว่าเป็นเรื่องจริง ทำให้แหล่งข่าวมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามเมื่อสอบถามไปยัง Facebook โดยตรง ก็ได้รับคำตอบเพียงว่า “เราไม่ขอพูดถึงข่าวลือหรือการคาดเดา เราขอบอกแค่ว่าจุดประสงค์ของ Facebook ที่มีต่อ Messenger คือการสร้างประสบการณ์ร่วมที่มีคุณภาพให้กับผู้ใช้งาน 800 ล้านคนทั่วโลก รวมทั้งทำให้แน่ใจได้ว่าผู้ใช้จะไม่ได้รับข้อความที่พวกเขาไม่ต้องการไม่ว่ารูปแบบใดๆ ก็ตาม” นั่นเสมือนเป็นการทำให้มั่นใจว่า แม้ Facebook จะมีโฆษณาทาง Messenger แต่ทุกอย่างจะเป็นไปแบบใส่ใจต่อผู้ใช้งานเป็นหลัก
Messenger เป็นหนึ่งใน Product ของ Facebook ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว มีผู้ใช้งานกว่า 800 ล้านคน โดยยังไม่มี Social Network ใดทำได้ โชคยังดีของผู้ใช้งานที่อย่างน้อย Facebook ก็ไม่ได้อนุญาตให้แบรนด์ส่งโฆษณาหาทุกคนที่กดไลค์เพจ แต่ส่งได้เฉพาะคนที่เคยมีบทสนทกากันมาก่อนหน้าแล้วเท่านั้น จึงช่วยลดการรบกวนลงไปได้บ้าง เนื่องจากปัจจุบันข้อความส่วนใหญ่ล้วนมาจากเพื่อนของผู้ใช้งานทั้งสิ้น Facebook จึงน่าจะพยายามรักษาตรงนี้ไว้โดยการจำกัดการโฆษณา
แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ค่อนข้างขัดแย้งกับสิ่งที่ Mark Zuckerburge เคยพูดไว้เมื่อตอนที่ Facebook ควบรวม WhatsApp เมื่อปี 2014 ว่า “โดยส่วนตัวคิดว่าโฆษณาไม่ใช่ทางที่ถูกต้องในการสร้างมูลค่าให้กับการส่งข้อความ” ย้อนกลับไปในปี 2012 Jan Koum ซีอีโอ WhatsApp เคยเขียนบล็อกไว้ว่า “การโฆษณาไม่ใช่แค่การทำลายสุนทรียศาสตร์, การดูถูกสติปัญญา และการขัดจังหวะการใช้ความคิดของสมอง แต่ยังสิ้นเปลืองทรัพยากรอีกด้วย”
ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นโพสต์ของเพื่อน ข่าวจากสำนักข่าว วิดีโอต่างๆ และโฆษณาจากแบรนด์ต่างแย่งพื้นที่อันจำกัดบนนิวส์ฟีดของเรากันอย่างดุเดือด นั่นทำให้ Facebook ยิ่งสามารถกระตุ้นการจ่ายเงินจากผู้ลงโฆษณาเพื่อแย่งพื้นที่ตรงนั้นให้ได้มากที่สุด การโฆษณาทางข้อความจึงเป็นช่องทางใหม่ในการสื่อสารระหว่างกันโดยตรง แต่ไม่ใช่ช่องทางเดียว เพราะ Twitter เองก็ประกาศแล้วว่าพวกเขามีช่องทางใหม่ให้แบรนด์สื่อสารกับผู้บริโภคผ่านทาง DMs
ตอนนี้ Facebook กำลังผลักดันให้แบรนด์สื่อสารกับผู้บริโภคผ่านทาง Messenger เพื่อที่พวกเขาจะได้ส่งโฆษณาทางข้อความกลับไปให้ได้ต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ยังมี Short link ที่จะทำให้การเข้าถึง Messenger ง่ายขึ้นในรูปแบบของ fb.com/msg/ชื่อเพจ ทำให้ต่อไปแบรนด์จะสามารถโปรโมทสินค้าหรือโปรโมชั่นของพวกเขาโดยแนบลิงค์นี้เพื่อให้กดไปยัง Messenger จากแอพลิเคชั่นในมือถือ หรือบนเดสท็อป ซึ่ง Facebook ยืนยันแล้วว่าพวกเขาได้ให้พาร์ทเนอร์อย่าง Canadian telecom Roger ทดลองใช้ Short link นี้แล้ว แต่ไม่ได้กล่าวรายละเอียดอื่นๆ
การโฆษณาทางข้อความนี้หากแบรนด์ส่งไปแล้วได้รับการตอบรับเกิน 90% ภายใน 24 ชั่วโมง โฆษณาทาง Messenger เหล่านั้นจะสามารถถูกค้นหาได้บน Facebook นั่นทำให้เพิ่มโอกาสในการกระจายโฆษณาได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ากลุ่มธุรกิจประเภทใดบ้างที่สามารถใช้ฟังก์ชั่นนี้ได้ แต่มีประเมินของแหล่งข่าวถึงเนื้อหาของการโฆษณาทางข้อความที่น่าจะเป็นได้ เช่น
– ให้ข้อมูลลูกค้าเกี่ยวกับ Flash Sale, โปรโมชั่น หรือของกำนัลต่างๆ
– แจ้งข่าวสินค้าใหม่ พร้อมลิงค์ไปยังหน้า Online shop
– ส่งคอนเทนท์ของแบรนด์ไปให้ดู เช่น วิดีโอ หรือภาพ .Gif
– แจ้งเตือนถึงการลดราคา หรือแจ้งสินค้าหมด ของสินค้าที่ผู้บริโภคเคยให้ความสนใจ
และเนื่องจากนี่เป็นช่องทางที่แบรนด์จะสามารถเข้าถึงตัวลูกค้าผู้มีกำลังซื้อได้อย่างใกล้ชิดที่สุด แน่นอนว่าค่าลงโฆษณาแบบนี้คงสูงลิ่ว ซึ่งคาดว่าในระยะสั้น Facebook ยังมีโอกาสทดสอบการลงโฆษณาทาง Messenger ซึ่งถ้าสุดท้ายแล้วมันไม่เวิร์คล่ะก็อาจจะเป็นเหตุผลให้ผู้ใช้งานกลับไปใช้ SMS หรือแอพแชทอื่นๆ แทน ซึ่งเราก็ได้แต่หวังว่ามันจะถูกทดสอบแบบค่อยเป็นค่อยไปก่อนปล่อยใช้งานจริง
ถ้าคุณได้รับข้อความจาก Messenger ตอนนี้ มันคงมาจากเพื่อนคนใดคนหนึ่งซึ่งมีค่าพอที่จะเปิดอ่าน แต่ต่อไปอาจไม่ใช่ สิ่งที่ Facebook ต้องรับมือให้ได้คือการแยก Spam ออกจาก Messenger Ads และรักษามาตรฐานของการเป็นแอพแชทที่เป็นจุดศูนย์กลางของยุคนี้เอาไว้ให้ดีที่สุด