บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มชั้นนำระดับโลกในเครือเป๊ปซี่โค อาทิ เป๊ปซี่ เมาเทนดิว มิรินด้าและเซเว่น-อัพ นำโดย ปริญญา กิจจาธนพันธ์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจอินโดจีน และ จา-กรูท โคเตชา กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจเครื่องดื่มประเทศไทย ประกาศเดินหน้าเปิดตัวโรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งที่สองของเป๊ปซี่โคในประเทศไทย ณ นิคมอุตสาหกรรมหนองแค จังหวัดสระบุรี เพื่อเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งของธุรกิจเครื่องดื่มที่ยังเติบโตต่อเนื่องและรองรับการขยายพอร์ตโฟลิโอในระยะยาว โดยเริ่มเดินเครื่องสองไลน์แรกเร่งดันยอดผลิตแบบเต็มสูบสูงกว่าเดิมถึง 30% มั่นใจพร้อมรับดีมานต์ความต้องการบริโภคน้ำอัดลมพุ่งในช่วงหน้าร้อน พร้อมเตรียมลงทุนต่อเนื่องเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็นสองเท่าจากโรงงานแรก และนี่คือ 8 เรื่องของโรงงานแห่งนี้
1. “โรงงานสระบุรี” ถือเป็นโรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งที่สองของเป๊ปซี่โคในประเทศไทย ซึ่งเริ่มเปิดดำเนินการในปีนี้ (2559) ภายหลังปรับรูปแบบธุรกิจมาเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายด้วยตัวเองนับตั้งแต่ปี 2555
2. โรงงานนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ 104 ไร่ (หรือ 166,400 ตร.ม.) ในนิคมอุตสาหกรรมหนองแค จังหวัดสระบุรี ซึ่งมีความได้เปรียบในเรื่องที่ตั้งเนื่องจากเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าไปยังทั่วประเทศ
3. เป๊ปซี่โคลงทุนติดตั้งเครื่องจักรที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง ควบคุมการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติ สามารถรองรับการติดตั้งไลน์การผลิตความเร็วสูงได้ถึง 8 สายเพื่อผลิตเครื่องดื่มในรูปแบบขวดพีอีทีและกระป๋อง ซึ่งเมื่อติดตั้งครบทั้ง 8 สายแล้วจะช่วยให้เป๊ปซี่โคมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับโรงงานแรก
4. ในเฟสแรก ได้ติดตั้งไลน์การผลิตความเร็วสูงจำนวน 2 สายซึ่งใช้ผลิตเครื่องดื่ม “เป๊ปซี่” ในรูปแบบขวดพีอีที มีกำลังการผลิตสูงสุดถึง 800 ขวดต่อนาที โดยเริ่มดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์นับตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
5. การเปิดดำเนินการในเฟสแรกช่วยให้เป๊ปซี่โคเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องดื่มสูงสุดได้จากเดิมถึง 30% เพื่อรองรับดีมานต์ในช่วงหน้าร้อน ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซั่นที่ตลาดเติบโตกว่าช่วงปกติถึง 15 – 20%
6. โรงงานนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็น “โรงงานสีเขียว” คือสามารถอนุรักษ์พลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม นับตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง จนถึงการใช้อาคารในการปฏิบัติงานจริง โดยสามารถลดค่าใช้จ่ายในด้านพลังงานได้ถึง 7.6 ล้านบาทต่อปี และสามารถประหยัดการใช้น้ำได้ถึงกว่า 38,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี
7. การลงทุนในโรงงานแห่งใหม่นี้เป็นไปตามกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในระยะยาวของเป๊ปซี่โคที่มุ่งสร้างการเติบโตในธุรกิจเครื่องดื่มโดยเน้นไปที่บรรจุภัณฑ์แบบไม่ต้องคืนขวด (Non-Returnable Packaging) ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมและมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2558* บรรจุภัณฑ์แบบไม่ต้องคืนขวดมีสัดส่วนถึง 78% ในขณะที่บรรจุภัณฑ์แบบขวดแก้วมีสัดส่วนเพียง 22% เท่านั้น
8. นอกจากเครื่องดื่มน้ำอัดลมแล้ว โรงงานใหม่แห่งนี้ยังถูกเตรียมพร้อมสำหรับการขยายพอร์ตโฟลิโอไปในกลุ่มเครื่องดื่มไม่อัดลม อาทิ ชาพร้อมดื่มลิปตัน เครื่องดื่มเกลือแร่เกเตอเรด รวมถึงผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในอนาคต