บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมสีระดับโลกแบบครบวงจรที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แจงผลประกอบการปี 58 หลังกวาดรายได้รวมกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าดันยอดโตเพิ่ม 12% พร้อมเผยแผนปักธงผุดโรงงานในอาเซียนอีก 3 แห่ง เตรียมขึ้นแท่นเป็นรีจัลนัลแบรนด์เบอร์หนึ่งในตลาดอาเซียน ด้วยกลยุทธ์ความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรมสีระดับโลก และยกระดับบริการด้านสีแบบครบวงจร
นายพงษ์เชิด จามีกรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 58 ที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์เป็นที่น่าพอใจ โดยเติบโตแบบทรงตัว สามารถทำรายได้มูลค่ารวมกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากตลาดในประเทศกว่า 1.38 หมื่นล้านบาท และตลาดอาเซียนสามารถดันยอดรายได้ถึง 2.35 พันล้านบาท ส่วนทิศทางธุรกิจปี 59 นี้ ทีโอเอตั้งเป้าเติบโตเพิ่ม 12% มูลค่ารวม 1.8 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากตลาดในประเทศถึง 1.5 หมื่นล้านบาท และรายได้จากตลาดอาเซียนที่มีฐานผลิตและส่งออกอีกประมาณ 2.8 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังชูกยุทธ์สร้างความยั่งยืนของธุรกิจอีก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การตอบโจทย์ผู้บริโภค ด้วยสินค้าคุณภาพที่มีนวัตกรรมระดับโลก ควบคู่กับการขยายตลาดให้แข็งแกร่งในอาเซียนโดยคาดการณ์ปีนี้ตลาดสีมีโอกาสเติบโตและกลับมาคึกคักด้วยปัจจัยบวกของภาครัฐบาล ได้แก่ การเร่งก่อสร้างโครงข่ายคมนาคมขนส่งทั้งระบบรางและระบบถนน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาฯ เช่น โครงการบ้านประชารัฐ สำหรับผู้มีรายได้น้อย และด้วยอานิสงส์มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง เหลือเพียง 0.01% ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นสุดภายในวันที่ 28 เมษายนนี้ จะเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ไทยในปีนี้น่าจะฟื้นตัวดีขึ้นด้วย โดยภาพรวมทีโอเอยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 11% ต่อปี
นายพงษ์เชิด กล่าวว่า สำหรับตลาดสีในประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนยังเป็นที่น่าจับตามองอย่างมาก เพราะตลาดยังมีความต้องการสินค้าไทยสูง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV จึงทำให้ตลาดมีโอกาสการเติบโตสูง ประกอบกับประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญที่ทีโอเอได้บุกตลาดอาเซียนมานาน 30 ปี ทีโอเอจึงเป็นผู้รู้จริง เข้าใจตลาดและความต้องการของผู้บริโภคในภูมิภาคนี้เป็นอย่างดี โดยปีนี้ยังหมายมั่นสร้างแบรนด์ทีโอเอให้เป็น No.1 Regional Paint Brand ด้วยการชูกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและนวัตกรรมระดับโลก ผนวกกับการขยายฐานคู่ค้า ร้านค้าด้วยเครื่องผสมสีอัตโนมัติ (TOA Color World Tinting Machine) กว่า 4,000 เครื่อง โดยปัจจุบันทีโอเอครองส่วนแบ่งตลาดสีในภูมิภาคนี้ประมาณ 13% เป็นรองเพียงจากค่ายสีอินเตอร์แบรนด์เท่านั้น พร้อมเผยแผนยุทธศาสตร์ผุดโรงงานเต็มรูปแบบภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2560 เพิ่มอีก 3 แห่ง ได้แก่ ประเทศเมียร์มาร์ กัมพูชา และอินโดนีเซีย ซึ่งจะทำให้ทีโอเอมีกำลังผลิตทั้งหมดจำนวน 7 แห่งในภูมิภาคนี้ คาดจะช่วยดันยอดการเติบโตถึง 21% ต่อปี
ด้าน น.ส. พวงเพ็ญ แสงเพชร ผู้อำนวยการสายงานการตลาด บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการตลาดในประเทศไทยว่าทีโอเอยังคงครองแชมป์เป็นเจ้าตลาดสีทาอาคารด้วยสัดส่วนถึง 48% จากมูลค่ารวมกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ในประเทศมาจาก 2 กลุ่มสินค้าใหญ่ๆ คือ กลุ่มสีทาอาคาร (Decorative Coating) มีรายได้ถึง 73% และกลุ่มสีอื่นๆ (Non-Decorative Coating) อีกประมาณ 27% รวมมูลค่ากว่า 1.3 หมื่นล้านบาท พร้อมเผยกลยุทธ์การเติบโตด้วยการรักษาตำแหน่งเบอร์หนึ่งตลาดสีทาอาคาร ผลักดันยอดขายกลุ่มสินค้า Non-Decorative Coating ให้เติบโตอีก 9% จากมูลค่าประมาณ 3 พันล้านบาท และการขยายช่องทางการจัดหน่ายในห้างโมเดิร์นเทรดให้เพิ่มยอดขึ้นอีก 14% โดยร้านค้ารีเทลยังคงเป็นช่องทางหลักที่สร้างรายได้ให้ทีโอเอกว่า 80% ซึ่งภาพรวมตลาดในประเทศถือว่ามีการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 8% ต่อปี นอกจากนี้ยังชูนโยบายการสื่อสารการตลาดแนวใหม่ กับการยกระดับมาตรฐานการให้บริการงานสีแบบครบวงจร ทั้งบริการออกแบบสีทาบ้าน (ide@color) บริการด้านสินค้า บริการด้านทีมช่างเทคนิค บริการช่างทาสีมืออาชีพ บริการ Call Center และออนไลน์ เสมือนเป็นเพื่อนรู้ใจด้านสีสันและเทคนิค เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น พร้อมสัมผัสประสบการณ์ประทับใจแบบมืออาชีพจากทีโอเอ ภายใต้แนวคิด “Good Life Good Experience”