ย้อนกลับไปในปี 2014 Mark Zuckerberg, CEO Facebook เคยกล่าวใน Community Town Hall Q And A session ถึงบทบาทของวิดีโอในอนาคตว่าจะมีความสำคัญมากขึ้น Facebook จะมีคอนเทนท์ประเภทวิดีโอเกลื่อนทั่วหน้า Feed
“อีก 5 ปีข้างหน้า คอนเทนท์ส่วนใหญ่ใน Facebook จะเป็นวิดีโอ”
ในตอนนั้นดูเหมือนเป็นไปได้ยาก เพราะเนื้อหาหลักของโลกอินเตอร์เน็ตรวมทั้ง Facebook เองยังคงเป็นเรื่องของภาพนิ่งและตัวหนังสือ เราแทบจะนึกภาพตามไม่ออกถึงการที่วิดีโอจะมาแทนที่ขนาดนั้น แต่อย่างที่เราได้เห็นหลายต่อหลายครั้งว่า Mark มักเห็นอะไรที่คนอื่นไม่เห็นเสมอ ตอนนี้คำพูดของเขาเริ่มชัดเจนขึ้นทีละนิด Facebook มีคอนเทนท์ประเภทวิดีโอจำนวนมากซึ่งดำเนินไปด้วยดีตามกลยุทธ์ที่วางไว้ล่วงหน้าอย่างสวยงาม
ในปี 2014 Facebook ก้าวไปอีกหนึ่งจุดในวันที่ปล่อยฟังก์ชั่น Video Autoplay ออกมาทำให้วิดีโอคอนเทนท์ของ Facebook มียอดวิวรวมถึง 1 พันล้านวิวต่อวัน และเพิ่มเป็น 8 พันล้านวิวต่อวันเมื่อพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความก้าวหน้าของสมาร์ทโฟนและระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงที่ทำให้คนกระหายในเสพคอนเทนท์ประเภทวิดีโอมากขึ้น และ Facebook ก็ตอบโจทย์ในข้อนี้ และเมื่อเร็วๆ นี้ Facebook ยังเพิ่มความน่าสนใจในการดูวิดีโอด้วยลูกเล่น Live Stream และกำลังจะปล่อยอีกหนึ่งฟังก์ชั่นใหม่เร็วๆ นี้กับวิดีโอแท็บใน Facebook app
แท็บใหม่ที่ว่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ Facebook วางแผนไว้สำหรับการขยายอาณาจักรแห่งวิดีโอบนโลกของ Facebook เลยทีเดียว ฟังก์ชั่นของแท็บจะคล้ายๆ กับเวลาที่ Youtube recommend วิดีโอที่คุณน่าจะสนใจขึ้นมาเวลาคุณดูวิดีโอใน Youtube แต่ของ Facebook จะละเอียดกว่าตรงที่วิดีโอที่ Facebook แนะนำนั้นมีพื้นฐานมาจากข้อมูลของสิ่งที่คุณสนใจจากการเก็บประวัติในการใช้งาน Facebook ที่ผ่านมา นั่นทำให้ Facebook รู้จักตัวตนของคุณได้ดีกว่า และมีแนวโน้มจะหาสิ่งที่คุณชอบมาให้คุณดูได้แม่นยำกว่า ความสามารถนี้ถูกสร้างขึ้นมาและอาจเป็นตัวฆ่า Youtube ได้เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม Facebook ยังคงให้ความสำคัญกับวิดีโอประเภท Live Content มากที่สุด
ล่าสุดมีรายงานจาก Facebook Newsroom blog ถึงความสามารถอื่นๆ ของเจ้าแท็บนี้เพิ่มเติม พร้อมกับข้อมูลที่บอกเราว่านี่เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ Facebook จะใช้เพื่อโปรโมท Live Content ให้คนหันมาสนใจให้มากที่สุด
Video Search
แท็บใหม่นี้จะอยู่ตรงกลางบนแถบ App Function เมื่อกดเข้าไปจะเต็มไปด้วยวิดีโอมากมาย ซึ่ง Facebook จะให้ความสำคัญกับวิดีโอที่เป็น Live ก่อน เช่น Live ที่กำลังเป็นที่สนใจของโลก Live จากเพื่อนของคุณ หรือจากคนที่คุณกำลังติดตาม หรือ Live จากหัวข้อที่ Facebook คิดว่าคุณน่าจะสนใจ แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการค้นหาวิดีโอตามหัวข้อที่คุณสนใจ ก็สามารถพิมพ์ค้นหาได้ และผลลัพธ์จะขึ้นมาเป็นทั้งวิดีโอแบบ Live และ ไม่ Live ช่วยให้ค้นหาวิดีโอที่คุณสนใจได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ระแบบแท็กจะถูกใช้มากขึ้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อัพโหลดวิดีโอและอยากให้วิดีโอถูกค้นหาได้ง่ายขึ้น การติดแท็กด้วยคำที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้วิดีโอของคุณถูกหาเจอได้ง่ายขึ้นมากทีเดียว
Live Video in Trending Topic
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า Facebook ให้ความสำคัญกับ Live Video มาก ดังนั้นหากมีการเสิร์ชหาสิ่งต่างๆ ใน Trending Topic และบังเอิญว่ามี Live Video ที่ตรงกับหัวข้อนั้นอยู่พอดี ระบบจะแนะนำ Live ตัวนั้นขึ้นมาพร้อมเครื่องหมาย Live ติดอยู่ข้างๆ
“หวังว่าจะได้เจอ Live Video ใน Trending topic จำนวนหนึ่งของเราในตอนนี้ แต่ต่อไปเมื่อผู้คนเริ่มคุ้นเคยกับ Live Video มากขึ้นจนเกิดการถ่าย Live และแชร์กันอย่างแพร่หลาย เราเชื่อว่าวันนั้น Trending Topic จะสร้างประสบการณ์ใหม่ให้คุณอย่างมากเลยทีเดียว”
เมื่อถึงวันนั้น วันที่ใครๆ ก็ Live กันมากมาย มันคงดึงดูดคนอื่นๆ ที่ไม่คิดจะ Live ให้ Live ได้ง่ายขึ้น
The Next Level
ตอนนี้แบรนด์ต่างๆ กำลังหาหนทางและวางกลยุทธ์กันมากมายเกี่ยวกับการนำฟังก์ชั่น Live Stream นี้มาใช้ให้เจ๋งที่สุด สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือทวีตจาก Vadim Lavrusik อดีต Product Manager ของ Facebook และหนึ่งในผู้สร้าง Facebook Live ที่ได้แชร์ลิงค์จาก Vanity Fair และกล่าวถึงเรื่องที่ Facebook Live ของ Mark ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของของอาณาจักร TV บน Facebook สิ่งนี้จะไม่สำคัญอะไรเลย ถ้าเขาไม่เคยเป็นคนใกล้ชิดของ Mark ก่อนที่จะลาออกเมื่อไม่นานนี้
และมันยิ่งเป็นได้เมื่อรวมกับข่าวลือที่เราได้รับมาว่า Facebook คิดจะทำอุปกรณ์เชื่อมต่อบางอย่างเพื่อเชื่อม Facebook เข้ากับ TV มันจะทำให้คุณเข้าถึง Facebook ได้ทุกเมื่อต่อให้คุณดูละครเรื่องอื่นอยู่ หากมีการ Live ที่คุณน่าจะสนใจ จะมีการแจ้งเตือนเข้ามาที่หน้าจอ TV และคุณก็กดเข้าไปดูผ่าน TV ได้เลย ทีนี้เราดูจะดูเพื่อนเรา Live ได้ทั้งวันทั้งคืนผ่านทีวีจอใหญ่ที่บ้านเรา ซึ่งหากเป็นจริงตามนั้น Facebook จะเปรียบเสมือนสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งเลยทีเดียว
ทวิตเตอร์เองเหมือนว่าอยากจะสู้ศึกครั้งนี้หลังจากได้สิทธิ์ในการแพร่ภาพสด Thursday Night Football แต่เชื่อว่าสิ่งที่ Facebook วางแผนไว้อย่างยาวนานคงเอาชนะทวิตเตอร์ได้อย่างไม่ยากนัก ก้าวต่อไปที่ Facebook กำลังคิดจะทำนอกจากวิดีโอปกติคือการนำเทคโนโลยี VR และ 360 เข้ามาใช้ ซึ่งเชื่อได้เลยว่า Facebook เตรียมการสำหรับเรื่องนี้ไว้อย่างดีแล้วเช่นกัน
นับเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ที่เห็นได้ชัดอีกครั้งว่าเมื่อ Mark Zuckerburg พูด ทุกสิ่งดูเป็นไปได้เสมอ หลังจากนี้เราก็รอดูการก้าวทีละขั้นของ Facebook สู่การเปลี่ยนแปลงวิธีการเสพสื่อครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้