ข่าวดีของคนทำการตลาดบนFacebook (เฟซบุ๊ก) จากเดิมภาพที่จะซื้อโฆษณาได้ต้องมี Text (ข้อความ) ไม่เกิน 20% รวมทั้งอยู่ในจำนวน Grid ที่กำหนดเท่านั้น แต่หลังจากวันที่ 22 มีนาคม กฎเกณฑ์ในเรื่องนี้ได้ถูกปรับเปลี่ยนไปแล้ว ภาพที่มีข้อความเกิน 20% สามารถซื้อโฆษณาได้ และระบบ Grid หายไปโดยสิ้นเชิง แต่…อย่าเพิ่งดีใจเกินเหตุ เราลองมาพิจารณ์รายละเอียดปลีกย่อยกันก่อน
Grid Tool ที่หายไปนั้น จะถูกแทนที่ด้วยการวัดจำนวนข้อความในรูปแทน โดยแบ่งเป็น 4 ระดับ ไล่ตั้งแต่ มีข้อความน้อยไปจนถึงมีข้อความอยู่มาก
– Image Text: OK
– Image Text: Low
– Image Text: Medium
– Image Text: High
และทั้งหมดนี้มีผลต่อค่า Algorithm ที่คำนวณอยู่เบื้องหลัง และแน่นอนว่า Algorithm ที่ถูกต้องเป๊ะๆ 100% เป็นความลับที่ไม่เปิดเผยของเฟซบุ๊ก แต่คาดเดาได้ว่ายิ่งมีข้อความมากจะยิ่งถูกจัดอันดับให้มีผู้เห็นโฆษณานั้นน้อยลง
อย่างไรก็ตามมีรูปบางประเภท ที่ถึงแม้จะมีข้อความปรากฏอยู่แต่ก็จะไม่ถูกคำนวณว่าเป็นข้อความ เช่น
– โปสเตอร์ภาพยนตร์
– ปกหนังสือ
– หน้าปกอัลบั้มเพลง
– รูปที่มีโปรดักท์เป็นองค์ประกอบ โดยที่เห็นทั้งตัวโปรดักท์
– โปสเตอร์ประชาสัมพันธ์คอนเสิร์ต, งานแสดงโชว์ หรือ เกมกีฬา
– อักษรประดิษฐ์, ลายเส้นฟ้อนท์การ์ตูน
– รูป screenshots ของแอปพลิเคชั่นหรือเกม
– ฉลากสินค้า
– รูป Infographics
สำหรับสิ่งที่ถูกนับรวมเป็น “ข้อความ” คือ โลโก้ , ลายน้ำ , ตัวเลข ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ควรจะทำให้เป็นขนาดเล็ก
อาจจะสรุปได้ว่า Fan Page ทั้งหลายนับจากนี้จะซื้อโฆษณากับโพสต์ที่มีข้อความเกิน 20% แล้ว อย่างไรก็ตาม รูปที่มีข้อความจำนวนมากๆ ก็มีโอกาสจะปรากฏใน Feed น้อยกว่ารูปที่มีข้อความน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ Algorithm ในเรื่องอื่นๆ เป็นองค์ประกอบด้วย
การที่เฟซบุ๊กอนุญาตให้ซื้อโฆษณาแม้ว่ารูปนั้นจะมีข้อความอยู่จำนวนมาก เป็นผลดีกับเฟซบุ๊กที่จากเดิมเคยปฏิเสธการซื้อ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่าเฟซบุ๊กจะมีรายได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังรักษาประสบการณ์การใช้งาน (User Experience) ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่ง ด้วยการกำหนด Algorithm
ในส่วนของเจ้าของเพจทั้งหลาย การที่เฟซบุ๊กให้ซื้อโฆษณาโพสต์ที่มีข้อความเกิน 20% ก็ใช่ว่าจะเป็นข้อดีเสมอไป เพราะการซื้อโฆษณาที่มีข้อความมากก็จะถูก Feed น้อยกว่าอยู่ดี ความคิดสร้างสรรค์ การนำเสนอคอนเทนท์ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายก็ยังเป็นเรื่องสำคัญกว่ามาก