หากพูดถึงแหล่งกำเนิดของธุรกิจ startups ชั้นนำของโลกแล้ว สิ่งแรกที่ทุกคนจะนึกถึงก็คงหนีไม่พ้น “Silicon Valley” ที่ซึ่งธุรกิจเล็กๆ ที่เริ่มจากการสร้างนวัตกรรมในโรงจอดรถกลายมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างเช่น Apple และ Google ความมหัศจรรย์ของ Silicon Valley เกิดจากความฝันแบบอเมริกันชนที่กระตุ้นให้ผู้คนกล้าที่จะฝันและออกไล่ตามความฝันของตนเองด้วยการทำงานอย่างทุ่มสุดตัว ตำนานความสำเร็จทั้งหลายของ Silicon Valley ในเมืองซานฟรานซิสโกล้วนน่าจดจำ แต่ดูเหมือนว่า Silicon Valley จะต้องเผชิญกับคู่แข่งสำคัญเข้าแล้ว คู่แข่งที่แท้จริงของ Silicon Valley คือปักกิ่ง!
Brand Buffet.in.th จะพาคุณไปสัมผัสกับบรรดา Startups ในประเทศจีนผ่านบทความที่เขียนโดย Cyriac Roeding ผู้ก่อตั้ง Shopkick แอพพลิเคชั่นช้อปปิ้งที่ขายให้กับ SK Planet ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในเกาหลีในปี 2014 ในมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ หลังจาก Cyriac ได้ไปสัมผัสกับโลกของ Startups ในประเทศจีนเป็นเวลา 3 สัปดาห์ เขาก็สรุปสิ่งที่เขาค้นพบไว้หลายอย่างด้วยกันดังนี้
ปักกิ่งจะเป็นคู่แข่งที่แท้จริงของ บรรดา Startups ในประเทศจีน ในอีก 10 ปีข้างหน้า
Startups ในจีนนั้นสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดในระยะเวลาที่รวดเร็วกว่า Startups ใน Silicon Valley เนื่องจากจีนมีจำนวนประชากรกว่า 1,300 ล้านคน มากกว่าประชากรอเมริกันถึง 4 เท่า ผู้ใช้สมาร์ทโฟนชาวจีนมีจำนวนกว่า 530 ล้านคน ขณะที่ชาวอเมริกันใช้ Smartphone เพียง 190 ล้านคน นอกจากความได้เปรียบด้านขนาดของตลาดแล้ว จีนยังมีความได้เปรียบในด้านของพฤติกรรมของผู้บริโภคที่รับเทคโนโลยีใหม่มาใช้อย่างรวดเร็ว หลายๆ แอพพลิเคชั่นมือถือที่ออกมาใหม่ได้รับความนิยมในชั่วข้ามคืน
ปัจจัยด้านบุคลากรของจีนก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน ผู้ก่อตั้งธุรกิจของจีนล้วนมีจิตวิญญาณของความเป็นผู้ประกอบการและทุ่มสุดตัวเพื่อการเติบโตของธุรกิจ โดยมีมหาวิทยาลัยปักกิ่งและมหาวิทยาลัยชิงหัวเป็นแหล่งสำคัญในการปลุกปั้นผู้ประกอบการและวิศวกรที่มีศักยภาพ จากปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้เงินทุนมากมายจาก Venture Capital พากันหลั่งไหลมายังจีน โดยสรุปจุดแข็งของ Startups จีนคือปัจจัยด้านขนาด ความเร็ว ความทุ่มเทและเงินทุน
ชาว Silicon Valleys ภาคภูมิกับ “ความเร็ว” ในการเติบโต แต่สำหรับ Startups จีนแล้วทุกอย่างเกิดขึ้นได้ “รวดเร็วกว่า”
จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวจีนที่มหาศาลเมื่อผนวกกับพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวจีนที่มักจะ “เห่อ” ของใหม่มากกว่าชาวอเมริกัน ทำให้ Product ใหม่ๆ ที่ออกมาได้รับความนิยมแทบจะในทันที Adoption Rate ที่เร็วมากๆ นี้ทำให้ Startups เล็กๆ ของจีนใช้เวลาเพียง 3-5 ปีในการเติบโตเป็นบริษัทใหญ่ เทียบกับ 5-8 ปีในสหรัฐฯ
หนึ่งในปัจจัยสำคัญของการเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ก็คงเป็นเพราะ คำว่า “Work-life balance” นั้นไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของบรรดา Startups จีน คุณสามารถถูกเรียกประชุมได้ทุกเวลาแม้แต่ตอนเที่ยงคืน (โดยคุณอาจต้องขึ้นเครื่องบินต่อตอน 6 โมงเช้า) วัฒนธรรมการทำงานของ Startups จีนที่เรียกว่า “9/9/6” แสดงถึงการทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม 6 วันต่อสัปดาห์ ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์จะถูกล็อคตัวให้อยู่แต่ในออฟฟิศเพื่อทำงาน หลับ และตื่นมาทำงานก่อนที่จะถึงวันเปิดตัวเพื่อให้พวกเขาสามารถโฟกัสกับงานได้ 100% ความทุ่มเทและอุทิศตนนี้แสดงให้เห็นถึงแรงผลักดันและความทะเยอทะยานอย่างแรงกล้าของผู้ประกอบการชาวจีน
การกล่าวหาว่าจีนเอาแต่ลอกเลียนรูปแบบธุรกิจของตะวันตกนั้นเป็นสิ่งที่ล้าสมัยแล้ว
หลังจากที่จีนพบว่าสินค้าที่ก็อปปี้มาจากตะวันตกมักจะล้มเหลวในตลาดจีนเพราะสินค้านั้นไม่เหมาะกับวัฒนธรรมของผู้บริโภคชาวจีน ผู้ประกอบการจีนจึงเริ่มเบนเข็มไปยังการสร้างนวัตกรรมแทน
บริษัท Meituan ผู้ให้บริการ Group Buying Site ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2010 ใช้เวลาเพียง 6 ปีในการก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศจีนและเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากสุด ณ ปัจจุบัน โดยมีมูลค่าที่ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ Meituan ได้ทำให้ตัวเองแตกต่างจากคู่แข่งนับร้อยรายที่พยายามเลียนแบบธุรกิจของ Groupon ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Group Buying Site เจ้าแรกที่ถือกำเนิดในอเมริกา โดยการดึงผู้ซื้อให้ไปที่ร้านแทนการขายดีลลดราคา ซึ่งก็ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จจนมีผู้ใช้บริการกว่า 200 ล้านรายในแต่ละเดือน
จีนคือแหล่งกำเนิดนวัตกรรมใหม่ของโลก
หลังจากผู้ประกอบการชาวจีนได้เบนเข็มจากการก็อปปี้ไปยังการสร้างนวัตกรรม ผลงานนวัตกรรมใหม่ๆ อันน่าทึ่งก็ก่อกำเนิดในจีนอย่างไม่ขาดสาย มีการใช้ความรู้ทางเทคโนโลยีขั้นสูงในการประดิษฐ์สิ่งใหม่อันเป็นที่ต้องการของตลาด เช่นโดรนของบริษัท DJI ของจีนมี Market Share กว่า 70% ของตลาดโดรนทั่วโลก
Cyriac ยังได้พบกับทีมพัฒนารถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพียง 60kW ซึ่งหนักเพียง 58 กก. เขายังได้ไปเยี่ยมชม HAX บริษัท Hardware Accelerator (ผู้ให้เงินทุนแก่ Startups ด้าน Hardware) รายแรกและรายใหญ่ที่สุดของโลกที่เสินเจิ้นและได้พบกับนวัตกรรมน่าทึ่งมากมาย เช่น คอมพิวเตอร์ราคาเพียง 9 ดอลลาร์ที่สามารถต่อ Wifi และ Bluetooth ได้
จุดด้อยของ Startups ของจีนที่ยังคงมีอยู่
-ไม่รู้ว่าจะส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพสูงไปพร้อมๆ กับการขยายตัวที่รวดเร็วได้อย่างไร
-ไม่รู้ว่าจะเข้าไปยังตลาดใหม่ที่นอกเหนือจากตลาดจีนอย่างไร
-Startups จีนต้องเผชิญกับการก็อปปี้ระหว่างบริษัทจีนด้วยกันเอง
ความริเริ่มสร้างสรรค์ ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง และความทุ่มเทที่ล้วนมีอยู่ในผู้ก่อตั้ง Startups จีนเมื่อรวมกับความได้เปรียบด้านประชากร การพัฒนาการศึกษา การลงทุนจากต่างชาติและปัจจัยสนับสนุนด้านอื่นๆ ทำให้ Startups จากจีนน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง และจากข่าวที่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba ซึ่งเป็นหนึ่งใน Startups รุ่นบุกเบิกของจีนได้เข้ามาซื้อกิจการ Lazada แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของธุรกิจจีนในการก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทข้ามชาติรายใหญ่ของโลก
เรียบเรียง : BW
Photo : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand