จากที่เคยสร้างความฮือฮาในวงการเครื่องดื่มน้ำอัดลม กลายเป็นผู้เล่นเบอร์ 3 ในตลาด ด้วยกลยุทธ์ “ราคา” และ “ป่าล้อมเมือง” เจาะตลาดต่างจังหวัด รวมทั้งเจาะเข้าสู่สถานศึกษาหรือทำกิจกรรมร่วมกับหน่วยงานรัฐบาล โดยชูประเด็นที่เป็นเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่ไม่มี “คาเฟอีน” แต่ถ้าหากว่าสังเกตที่แพ็กเก็จจิ้งแบบขวดของ AJE Big Cola รสชาติโคล่า หรือที่เรียกติดปากว่าน้ำดำ จะพบว่าระบุข้อความชัดเจน “มีกาเฟอีน” บนฉลากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อาจจะเป็นเพราะว่าจุดเด่นของน้ำอัดลม ก็คือการสร้างความสดชื่น และคาเฟอีน, ความหวาน บวกกับความเย็นนี่เอง ที่เป็นตัวกระตุ้นความรู้สึกให้กับผู้ดื่ม ดังนั้นท่ามกลางการแข่งขันที่รุ่นแรงขึ้น เมื่อในวันนี้ตลาดเมืองไทยมีแบรนด์ยักษ์ใหญ่เพิ่มขึ้นจาก 2 แบรนด์อินเตอร์ฯ คือ โค้กกับเป๊ปซี่ มาเป็นบวกอีก 1 แบรนด์ไทย คือ เอส ซึ่งมีสรรพกำลังไม่แพ้ผู้เล่นรายอื่น อาเจ บิ๊ก โคล่า จึงต้องเพิ่มเติมผสมนี้เข้ามาเพื่อทำให้ผู้บริโภคชื่นชอบมากขึ้น และแข่งขันในตลาดนี้ให้ได้
ที่ผ่านมา อาเจ บิ๊ก โคล่า ก็เป็นแบรนด์เครื่องดื่มที่พร้อมจะปรับสูตรเครื่องดื่มของตัวเองอยู่ตลอด ถ้าหากว่าทำ Blind Test แล้วไม่เป็นที่ถูกใจผู้บริโภค เมื่อจัดจำหน่ายในประเทศไทยก็เคยปรับรสชาติเล็กๆ น้อยๆ มาแล้วหลายครั้ง แต่การปรับตัวครั้งนี้ถือเป็นประเด็นใหญ่กว่าทุกครั้ง BrandBuffet จะติดตามความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมมานำเสนอในภายหลัง ว่านับจากนี้ อาเจ บิ๊ก โคล่า จะเป็นแบรนด์เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนอย่างถาวร และยกเลิกสื่อสารประเด็นที่เป็นน้ำอัดลมรายเดียวที่ไม่มีส่วนผสมดังกล่าวเลยหรือไม่