นอกจากทำตลาดเครื่องสำอางสีสัน และกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวระดับพรีเมียมแล้ว ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ “อาร์ทิสทรี” หนึ่งในแบรนด์หลักของ “แอมเวย์” (Amway) ยังได้ขยายโปรดักส์ไลน์ไปยังกลุ่ม “น้ำหอม” ด้วยการจับมือกับ “จิวาดอง” บริษัทปรุงน้ำหอมระดับโลก ร่วมกันพัฒนา “อาร์ทิสทรี ฟลอรา ชิค” (ARTISTRY Flora Chic)
แต่ท่ามกลางการแข่งขันของตลาดน้ำหอมระดับพรีเมียม มีแบรนด์ระดับโลกมากมายที่ทำตลาดมายาวนาน ทั้งจากแบรนด์เครื่องสำอาง และแบรนด์ดีไซเนอร์ อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “อาร์ทิสทรี” กล้าตัดสินใจเข้ามาลุยตลาดนี้ รวมทั้งกลยุทธ์ และเป้าหมายของสินค้าน้องใหม่นี้จะเป็นอย่างไร มาติดตามกัน…
– เล็งเห็นโอกาสของตลาดน้ำหอมในประเทศไทย ที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 7,700 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 4.7% โดยแบ่งเป็นแมสแบรนด์ 68% และ พรีเมียมแบรนด์ 32%
– เป็นตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับน่าพอใจ เนื่องจากน้ำหอมเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคทั้งผู้ชายและผู้หญิงซื้อใช้อย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งผู้บริโภค 1 คน มีแนวโน้มที่จะมีน้ำหอมมากกว่า 1 ขวด
– “อาร์ทิสทรี” ต้องการเพิ่มความหลากหลายด้านผลิตภัณฑ์ให้กับแบรนด์ เพื่อเสริม Product Portfolio ตอบโจทย์ด้านความงามให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
– ผลวิจัยของ “อาร์ทิสทรี” พบว่าน้ำหอมที่อยู่ใน 10 อันดับแรกที่คนไทยนิยม ส่วนมากเป็นน้ำหอมจากแบรนด์เครื่องสำอางมากกว่าดีไซน์เนอร์แบรนด์ ซึ่งเกิดจากความชื่นชอบต่อแบรนด์เครื่องสำอางที่ใช้เป็นประจำอยู่แล้ว จึงนำมาสู่การเลือกใช้น้ำหอมของแบรนด์นั้นๆ “อาร์ทิสทรี” จึงมองว่ามีโอกาสที่จะผลักดัน “อาร์ทิสทรี ฟลอรา ชิค” เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคไทยได้
– ความแข็งแกร่งของเครือข่ายนักธุรกิจแอมเวย์กว่า 300,000 รหัส และสมาชิกผู้ใช้สินค้ากว่า 700,000 รหัส เป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ “อาร์ทิสทรี ฟลอรา ชิค” แจ้งเกิด รวมทั้งเป็นสินค้าที่ช่วยขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มที่มีอายุน้อยลง
– ใช้กลยุทธ์ Emotional Marketing โดยสร้างอารมณ์ร่วมของเสน่ห์ที่น่าหลงใหลของน้ำหอมผ่านสื่อต่างๆ เช่น ตกแต่งแอมเวย์ ช็อป ในธีมฟลอรา จัดกิจกรรมทางการตลาด ทั้งโฆษณาประชาสัมพันธ์ กิจกรรมออนไลน์เพื่อแจกตัวอย่างน้ำหอม และจัดโปรโมชั่นตัวอย่างน้ำหอม เพื่อให้นักธุรกิจแอมเวย์ใช้เป็นเครื่องมือในการทำตลาด โดยเน้นไปยังลูกค้าที่รักแบรนด์อาร์ทิสทรี
– วางเป้าหมายด้านยอดขายภายในสิ้นปีนี้ มั่นใจว่าได้ไม่ต่ำกว่า 68 ล้านบาท