ไดกิ้น (Daikin) แบรนด์เครื่องปรับอากาศจากประเทศญี่ปุ่นอยู่ในประเทศไทยมากว่า 49 ปี จากแผนกเล็กๆในบริษัทสยามกลการ ปัจจุบันมีทั้งโรงงานผลิตที่ส่งออกไปยังทั่วโลกและศูนย์ให้บริการต่างๆในประเทศไทย ล่าสุด มร.ฮิโตชิ ทานากะ ผู้จัดการใหญ่ บ.สยามไดกิ้นเซลส์ เปิดโต๊ะแถลงแผนกลยุทธ์การตลาดในประเทศไทยในงานเปิดสำนักงานใหม่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อชิงเบอร์ 1 ตลาดแอร์ในไทย พร้อมคาดการณ์สถานการณ์แอร์ในไทยที่น่าสนใจ
ปัจจุบันตลาดเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยในประเทศไทย มีมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท ปกติเติบโตราว 7% แต่สำหรับต้นปี 2016 เติบโตสูงอย่างรวดเร็วถึง 40% อันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น ขณะเดียวกันแนวโน้มตลาดเปลี่ยนไปเป็นระบบ Inverter มีอัตราการเติบโตถึง 70% ซึ่งเป็นไปตามเทรนด์ตลาดโลก (ญี่ปุ่น ตลาด Inverter 100%) และทำให้ Inverter ของไดกิ้นเติบโต 80%
ประกอบกับพบว่า ตลาดแอร์ในกรุงเทพและปริมณฑลมีอัตราการเติบโตช้าลง ขณะที่การเติบโตในต่างจังหวัดสูงมากขึ้นซึ่งมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก และตามข้อมูลอัตราการถือครองเครื่องปรับอากาศในประเทศไทยในปี 2558 รวม 1.49 ล้านเครื่อง ส่วนใหญ่ยังอยู่ในกทม.และปริมณฑล 50% ภาคกลาง 30% และคาดการณ์กว่า ปี 2559 จะมีการถือครองอยู่ที่ 2.2 ล้านเครื่อง ไดกิ้นจึงทุ่มงบการตลาดกว่า 400 ล้านบาทลุยตลาดอย่างหนักหน่วงโดยเฉพาะภาคอีสาน ภาคเหนือ และ ภาคใต้
ในแง่นวัตกรรมไดกิ้น พัฒนาเทคโนโลยีทำความเย็นออกมาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นผู้นำตลาด Inverter และผู้นำสารทำความเย็น R32 ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่แง่ Brand Awareness หรือ การรับรู้แบรนด์ของไดกิ้นในต่างจังหวัดถือว่ายังน้อยมาก ภาระกิจปี 2558 จึงต้องเร่งสร้างแบรนด์ในต่างจังหวัดมากขึ้น จึงดึงซุปตาร์ดังอย่าง “ณเดช คุกิมิยะ” มาเป็นพรีเซนเตอร์เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคต่างจังหวัด
“ที่ผ่านมาเรามีโปรดักซ์ที่ดีมากๆ แต่ไม่ค่อยได้พูดออกไป จากนี้เราสื่อสารออกไปมากขึ้น จึงดึง “ณเดชน์” เข้ามาช่วย …ต้องยอมรับว่าณเดชตอนนี้คนไทยไม่มีใครไม่รู้จัก ที่ผ่านมาทำให้แบรนด์ไดกิ้นมี Brand Awareness ดีขึ้นมาก ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้ยอดขายต่างจังหวัดเติบโต 50-60% เมือเทียบ ปี 2558 กับ ต้นปี 2559 หลังจากที่สื่อสารผ่านโฆษณาออกไป บางดีลเลอร์ไม่ต้องจำเป็นต้องอธิบายใดๆลูกค้าก็ยังจดจำได้ จนลูกค้าหลายรายเรียกกันว่า แอร์ณเดชน์” ” สมพร จันกรีนภาวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กล่าว
“ลูกค้าเดิมที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ส่วนใหญ่อยู่ในเขตเมือง เขตกรุงเทพ และพอมีอายุ จึงเป็นโจทย์สำคัญอย่างยิ่ง ต้องเริ่มสร้างแบรนด์ในต่างจังหวัดมากขึ้น ตามอัตราการเติบโตที่เกิดขึ้น”
“การสร้างแบรนด์ต้องใช้เวลา ไม่ใช่แค่วันเดียว ตั้งแต่การสร้าง Brand Awareness ไปจนถึงสร้างให้เกิด Consideration เราตัดสินใจเปลี่ยนแคมเปญและลงทุนทันทีแม้ว่าไม่ใช้ช่วงหน้าขายก็ตาม เริ่มจากการสื่อสารแมสเสสแรก “ผู้นำนวัตกรรมความเย็นจากญี่ปุ่น” เพื่อให้ผู้บริโภครู้จักเรา และจนถึงปัจจุบันเป็น stage ที่ 2 สื่อสาร Product hero ต่างๆ”
ไม่เพียงแต่ใช้กลยุทธ์พรีเซนเตอร์ ปัจจัยสำคัญคือแผนขยายสาขาหรือสำนักงานในต่างจังหวัดเพื่อเข้าถึงและใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น จึงเปิดสาขาใหม่อีก 10 สาขา เหนือ-เชียงใหม่,นครสรรค์ อีสาน-อุบลราชธานี,ขอน แก่น,นครราชสีมา ใต้-อ.หาดใหญ่,สุราษฎร์ธานี,ภูเก็ต กลาง-ราชบุรี ออก-ระยอง โดยให้บริการครบวงจร 360 องศาทั้งงานขาย งานซ่อม งานอะไหล่ และ การอบรม เป็นต้น นอกจากนี้ยังเตรียมเพิ่มร้านตัวแทนจำหน่าย Pro Shop มากขึ้น (ลงทุนร่วมกับดีลเลอร์) กระจายไปทั่วประเทศไทย 100 แห่ง ภายในปี 2020 หรือประมาณ 1 จังหวัด 1 Pro shop ซึ่งมั่นใจว่า ยอดขายต่างจังหวัดจะเพิ่มเป็น 45% จาก 40% ในปีก่อน ขณะที่รายได้จากกรุงเทพฯ จะเป็น 55% จากปีก่อน 60%
งบการตลาดทั้งปี 2559 ประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่ 300 ล้านบาท เนื่องจากเร่งการสร้างการรับรู้แบรนด์ผ่านสื่อต่างๆ รวมไปถึงลงทุนการขยายสำนักงานตามแผนการ และลงทุนร่วมกับดีลเลอร์ต่างๆในร้าน Pro Shop ทั่วไทย ตั้งเป้าปี 2559 ยอดขายปิดที่ 11,000 ล้านบาท หรือ เติบโต 22% และคาดว่าปี 2563 จะมีรายได้เติบโตเท่าตัวหรือประมาณ 2 หมื่นล้านบาท
โฆษณาชุดแรกกับ ณเดช
โฆษณา ไดกิ้น เอกิระ