คุณเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าที่ชอบอ่านแล้วแชร์ลิงก์ข่าวหรือบทความต่างๆ ลงบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค ถ้าใช่ล่ะก็เชื่อหรือไม่คุณเป็นคนส่วนน้อย เพราะมีแค่ 41% ของคนชอบแชร์แล้วกลับมาอ่าน ขณะที่ที่เหลืออีก 59% ของคนชอบแชร์เหล่านั้น ไม่เคยอ่านสิ่งที่พวกเขาแปะไว้แม้แต่น้อย
ผลสำรวจล่าสุดจากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัย Columbia และ French National Institute จากการเก็บข้อมูลกว่า 59,088 ลิงก์ เปิดเผยว่า 6 ใน 10 ของคนแชร์ลิงก์แต่ไม่มีการคลิกอ่าน ทั้งๆ ที่เมื่อย้อนกลับไปในปี 2014 ยอดการเข้าใช้งานโซเชียลมีเดียคิดเป็น 30% ของการเข้าใช้ชมเว็บไซต์ทั้งหมด แต่ถึงทุกวันนี้กลับมีไม่ถึงครึ่งที่ตามลิงก์จากโซเชียลมีเดียเพื่อไปอ่านบทความยังเว็บไซต์ต้นเรื่อง
พฤติกรรมนี้ถือเป็นพฤติกรรมการบริโภคข่าวสารของคนสมัยใหม่ คนตั้งความคิดเห็นของตัวเองจากข้อสรุปที่เห็นจากหัวข่าว หรือข้อสรุปที่ถูกคนอื่นสรุปมาอีกที หรือสรุปจากการสรุปจากการสรุปมาแล้วอีกที โดยไม่มีความพยายามที่จะลงลึกในรายละเอียดด้วยตัวเอง ซึ่งการแชร์แบบนี้กลายเป็นการตั้ง Agenda ใหม่ให้กับสังคมในแต่ละวัน หลายคนแชร์บทความเพียงเพราะใครๆ เขาก็แชร์เรื่องนี้กัน และก็แชร์กันต่อไปเรื่อยๆ โดยมีคนไม่ถึงครึ่งที่หยุดและอ่านในสิ่งที่ทุกคนกำลังแชร์ หลายครั้งการแชร์เกิดขึ้นโดยไม่สนใจความน่าเชื่อถือของแหล่งข่าวหรือเว็บไซต์ด้วยซ้ำ แค่การตั้งหัวข้อแรงๆ ก็เรียกเอ็นเกจเมนท์ได้แล้ว
เว็บไซต์ searchenginewatch.com มีเคสตัวอย่างดีๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อไม่นานมานี้ที่ทวิตเตอร์หลักของเว็บไซต์ได้ทวีตแชร์ข่าวข่าวหนึ่งแต่ลืมแนบลิงก์ข่าวนั้นไปด้วย โพสต์ที่ปรากฏในทวิตเตอร์จึงมีแค่ภาพประกอบ และแคปชั่นหัวข้อบทความเล็กน้อย แต่ปราศจากเนื้อหาใดๆ เพราะไม่มีลิงก์แนบไปด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นคือมีการกดถูกใจ 28 ครั้ง และรีทวิต 25 ครั้ง…
เมื่อไปเปิดดูสถิติของทวิตเตอร์ของเว็บไซต์ดังกล่าวพบว่ามียอด impression ถึง 2.7 ล้านจาก 465 ทวิต นับเป็นตัวเลขที่สวยงามทีเดียว แต่เมื่อลงลึกไปดูในยอดคลิกจริงๆ ที่เกิดขึ้น (CTR) ในการทวิตหนึ่งครั้งกลับพบว่ามีค่า impression 18,202 แต่ยอดคลิกอยู่ที่ 40 ครั้ง ซึ่งคิดเป็นแค่ 0.2% เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมาตรฐานที่ควรจะอยู่ที่ 1.64% นอกจากนี้ข้อมูลยังบอกเราว่า ยิ่งคุณมียอด follow เพิ่มขึ้นเท่าไหร่ อัตราการคลิกลิงก์ก็จะยิ่งต่ำลง
และเมื่อเปิดผลการวิเคราะห์ Traffic ของเว็บ searchenginewatch.com ก็ทำให้ยิ่งพบว่าการเข้าถึงจาก Social Media คิดเป็นเพียง 4% ของการเข้าถึงเว็บไซต์ทั้งหมด ซึ่ง Traffic หลักของเว็บมาจากการค้นหาทาง Search engine
ดังนั้นต่อไปการรายงานผลกับลูกค้าโดยเอายอดแชร์มาเป็นบรรทัดฐานอาจไม่ได้การันตีถึงคุณภาพในการเข้าถึงเว็บของผู้ใช้งานจริง แต่อย่างไรก็ตามผลสำรวจนี้ไม่ได้หมายว่าคุณควรปิดช่องทางการโปรโมททางโซเชียลมีเดีย แต่ควรนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์เพื่อพัฒนากลยุทธ์ทางโซเชียลมีเดียว่าทำอย่างไรคนถึงจะคลิกลิงก์จากโพสต์ที่พวกเขาแชร์มากขึ้น แต่อย่างแรกเลยถ้าอยากให้คลิกก็อย่าลืมแนบลิงก์ไปด้วยล่ะ
แปลและเรียบเรียงโดย Prim NM
Credit Photo: NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand