ตามที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (“กสทช.”) ได้มีมติเรื่องการกำกับดูแลอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนคลื่นความถี่ย่าน 900/1800/2100 MHz. ทุกรายการส่งเสริมการขายเป็นวินาที และไม่ให้เกินกว่าอัตราที่ กทค. ได้กำหนดไว้นั้น บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (“ทรูมูฟ เอช”) ได้ดำเนินการให้บริการเป็นไปตามนโยบายและข้อกำหนดต่างๆ ของ กทค. และ กสทช.
มาโดยตลอด แต่สำหรับเงื่อนไขดังกล่าวในครั้งนี้ ทรูมูฟ เอช มองว่าจะทำให้ผู้บริโภคไม่มีทางเลือกในการเลือกใช้บริการแพ็กเกจที่คุ้มค่าตามรูปแบบการใช้งานของตนเองอย่างแท้จริง ทั้งยังอาจไม่สอดคล้องต่อการแข่งขันเสรีในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และไม่เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งในท้ายที่สุดจะส่งผลกระทบกับลูกค้าจำนวนมากทั้งแบบรายเดือนและเติมเงิน ซึ่งบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งแบบรายเดือนและแบบเติมเงิน ต่างก็มีอัตราค่าบริการที่ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการได้อย่างคุ้มค่า และสอดคล้องต่อการใช้งานตามพฤติกรรมของลูกค้าอยู่แล้ว นอกจากนี้ แนวทางของประเทศต่างๆ ทั่วโลกส่วนใหญ่ที่มีการเปิดเสรีทางบริการโทรคมนาคมนั้น จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือไม่มีการบังคับให้ต้องมีการคิดค่าบริการเป็นวินาทีในทุกแพ็กเกจแต่ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกการแข่งขันของตลาด รวมทั้งก็ไม่มีการกำหนดอัตราค่าบริการขั้นสูงในทุกแพ็กเกจเพราะขัดต่อกลไกการตลาดแบบเสรี ดังนั้น ทรูมูฟ เอชเห็นว่าการกำกับดูแลของกสทช. ด้วยอัตราเฉลี่ยเหมาะสมอยู่แล้ว จึงอยากขอให้ กทค. และ กสทช. พิจารณาทบทวนมติดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบต่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมโดยรวม”
ที่สำคัญ ในปัจจุบันเนื่องจากลูกค้ามีพฤติกรรมการใช้งานที่หลากหลาย ผู้ประกอบการแต่ละรายจึงได้ออกแบบและนำเสนอแพ็กเกจที่มีหลายรูปแบบ รองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน โดยมุ่งเน้นให้ลูกค้าได้ประโยชน์สูงสุด ผู้บริโภคจึงมีสิทธิ์เลือกใช้แพ็กเกจ และโปรโมชั่นได้ตามการใช้งานของตนเองอย่างแท้จริง ทั้งยังมีทางเลือกที่ขยายไปใช้บริการของผู้ให้บริการรายอื่นตามที่ตนประสงค์ได้ นอกจากนี้ หากพิจารณาตามเงื่อนไขหลักเกณฑ์ใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900/1800/2100 MHz. ที่มีการกำหนดให้มีการลดอัตราค่าบริการลงจากเดิมนั้น ผู้ให้บริการทุกรายก็ได้ปรับลดราคาเพ็กเกจให้เป็นไปตามเงื่อนไขของใบอนุญาตอย่างเคร่งครัดแล้ว