คงไม่เรื่องง่ายที่จะประสบความสำเร็จเเละเติบโตได้ในอุตสาหกรรมสินค้าเทคโนโลยี โดยเฉพาะตลาดสมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต หรือเเม้แต่คอมพิวเตอร์ (PC)
เพราะอย่างที่เรารู้กันดีว่าช่วงสี่ถึงห้าปีที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบฝุ่นตลบครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อทั้งสามอุตสาหกรรมดังกล่าว หลายคนเชื่อว่าตลาด PC และโน้ตบุ๊คกำลังชะลอตัวเพราะการเข้ามาของเเท็ปเล็ต รวมไปถึงยังเชื่อว่าตลาดสมาร์ทโฟนเป็นตลาดที่หอมหวาน ผู้เล่นต่างๆ จึงปั้นแบรนด์ขึ้นมาแย่งชิงพื้นที่ในตลาดนี้
หนึ่งในนั้นคือ เอซุส ที่เติบโตมาจากการทำธุรกิจผลิต และจำหน่ายคอมพิวเตอร์ ปรับตัวโดยการก้าวเข้ามาผลิต และจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟน ที่ในขณะนั้นได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก แต่อย่างที่บอกว่าในขณะนั้นสมาร์ทโฟนเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงทำให้การแข่งขันก็สูงเพิ่มขึ้นไปด้วย
การเข้าสู่ตลาดสมาร์ทโฟนในฐานะผู้ผลิต และจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนของเอซุสในขณะนั้น ได้วาง Positioning อยู่ในระดับ Entry Level ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดีจากคนกลุ่มนี้ และถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของ เอซุส
เมื่อเวลาผ่านไปทั้งตลาดและผู้บริโภคกลายมาเป็นตะแกรงที่ค่อยๆ ร่อนผู้ที่อ่อนแอให้หลุดออกจากวงโคจรของการแข่งขันไป แต่สำหรับเอซุสที่ได้ส่งแบรนด์ Zenfone เข้าแข่งขัน ก็ได้ทำการบ้านอย่างหนักในการศึกษาพฤติกรรมการใช้งาน จนกระทั่งแบรนด์เริ่มมีความแข็งแกร่งได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค ล่าสุด เอซุสได้พาสินค้าสมาร์ทโฟนเดินทางมาถึง Generation ที่ 3 ในตระกูล Zenfone
เห็นได้จากสมาร์ทโฟน Zenfone ในตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้มีส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 11% ตลาดนี้จึงเป็นตลาดสมาร์ทโฟนที่มีศักยภาพที่สุดแห่งหนึ่งของเอซุส โดยให้ความสำคัญในการวางแผนขยายตลาดในภูมิภาคนี้ถึง 70-80%
แต่ที่น่าใจไปกว่านั้นก็คือการเดินเกมของ เอซุส กับ Zenfone Series 3 ครั้งนี้เป็นการปรับ Brand Positioning จากสินค้าระดับกลาง-ล่างมาเป็นระดับกลาง-บน พูดง่ายๆ ก็คือเอซุสได้มั่นใจในแบรนด์ Zenfone แล้วว่ามีความแข็งแกร่ง ทั้งในแง่ของฟังก์ชั่นการใช้งาน และดีไซด์ จึงขอขึ้นไปอยู่ Tier 1 ของตลาด
“จากการเข้าสู่ตลาดสมาร์ทโฟน เอซุส จะเน้นการตลาด ในระดับราคา 4,500-10,000 บาท ถือเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของตลาด ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดีจากกลุ่มระดับราคาดังกล่าว และยังถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในการทำตลาด แต่ถึงอย่างไร เราต้องการปรับแบรนด์ให้มีภาพลักษณ์ที่พรีเมียมมากยิ่งขึ้น พร้อมที่จะแข่งขันในตลาดที่ใหญ่กว่าเดิม” นั่นเป็นคำกล่าวของ มร.เจฟฟ์ โล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ยืนยันถึงการยกระดับแบรนด์สินค้าภายใต้การบริหารของเอซุสให้มีความพรีเมี่ยมมากขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเเข่งขันในอนาคตกับเป้าหมายที่ท้าทาย
เห็นได้ว่า ZenFone 3 ได้ออกสินค้าทั้งหมด 5 รุ่น หนึ่งในนั้นมีรุ่นที่ตั้งราคาอยู่ใน Segment ระดับบน ราคา 28,990 บาทในรุ่น ZenFone 3 Deluxe นั่นแสดงให้เห็นว่า ASUS พร้อมเดินหน้าชนสู้กับยักษ์ใหญ่ในตลาดโดยใช้สินค้าในรุ่นดังกล่าวเป็นตัวชิมลาง
ส่วนทางด้านสินค้าหลักของ เอซุส อย่างโน๊ตบุ๊กที่แม้ว่าภาพรวมของตลาดจะไม่เติบโตมากนัก แต่ เอซุส ก็เชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 5,000-10,000 ล้านบาทในปีนี้ เพราะกลุ่มตลาดอย่าง บริษัท และองค์กรต่างๆ ยังคงต้องใช้คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป และโน๊ตบุ๊ก ที่สามารถประมวลผลได้เร็ว มีประสิทธิภาพสูง ในการทำงานอยู่
และการที่เอซุส ร่วมกับ อินเทล สร้างสรรค์นวัตกรรมเปิดตัวโน้ตบุ๊ก Zenbook 3 ชูจุดเด่นเครื่องบาง น้ำหนักเบา ประสิทธิภาพสูง วัสดุใช้อะลูมิเนียมระดับสำหรับยานอวกาศ รวมถึงพีซีทูอินวัน Transformer 3 และ Transformer 3 Pro มาพร้อมจอ 12.6 นิ้ว เป็นได้ทั้งแทบเล็ต และโน้ตบุ๊ก ก็เป็นการตอกย้ำภาพแบบทั้งพอร์ทว่า การรุกครั้งนี้เป็นการยกแบรนด์ให้ขึ้นสู่ความพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น
เมื่อทิศทางหลักคือการปั้นแบรนด์ และเป้าหมายของการเปิดตัวสินค้าก็ต่างไปจากทุกครั้ง ภาระกิจใหญ่กับการก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 3 ในตลาดสมาร์ทโฟน รวมถึงการยกระดับแบรนด์ ASUS ทั้งพอร์ทให้เข้าสู่ตลาดบนมากขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มี Brand Ambassador คนแรกของ ASUS
ซึ่ง ASUS ได้เลือก ปู ไปรยา สวนดอกไม้ เข้ามาเป็น Brand Ambassador พร้อมกับแนวทางการสื่อสารภายใต้เเนวคิด Zenvolution โดยเลือกมุมที่จะพูดคุยกับกลุ่มเป้าหมายให้สะท้อนถึงการใช้ชีวิตของ ปู ไปรยา ที่แน่นอนว่ามีปัญหา ไม่ต่างจากคนทั่วไป และเมื่อแบกรับปัญหาต่างๆ ก็ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของตัวเอง ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ของ ASUS ซึ่งสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตในทุกๆ มุมมองได้อย่างชัดเจน
อย่างที่บอกว่า การรุกของ ASUS ครั้งนี้ ไม่ได้มาแค่เล่นๆเปิดตัวสินค้าเท่านั้น เเต่ยังเป็นการเริ่มต้นสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง โดยใช้ตัวเชื่อมเป็นสินค้าที่มีความหลากหลาย และ Brand Ambassador คนแรกของ ASUS อย่าง ปู ไปรยา สวนดอกไม้
นับเป็นอีกหนึ่งหนึ่งความท้าทายครั้งสำคัญของเอซุสในการรุกขึ้นมาท้าชนกับยักษ์ใหญ่ในตลาด ไม่แน่ว่าการขยับตัวของเอซุสครั้งนี้อาจจะสร้างแรงกระเพื้อมให้กับอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟรกลับมาคึกคักและดุเดือดมกกว่าเดิม