B.A.D Student Workshop ถือเป็นพื้นที่ประชันไอเดียในระดับนักศึกษา เวทีใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเป็นคอร์สที่ปั้นครีเอทีฟชื่อดังระดับประเทศมาแล้วหลายต่อหลายรุ่นเพียงแค่เอ่ยชื่อทุกคนในวงการโฆษณาต้องร้องอ๋อ
ผลงานบางส่วนของผู้ที่เคยผ่าน B.A.D Student Workshop ใน 6 ปีหลังมาให้ชม
อานนท์ กันทะวัง (นนท์) Art Director, GREYnJ United
B.A.D Student รุ่นที่ 26
ผลงาน : The Waiters’ Mom พนักงานร้านอาหารก็มีแม่
บรีฟนี้เราได้รับในช่วงเทศกาลวันแม่ โจทย์คือการจะทำอย่างไร ให้คนรักแบรนด์และถูกพูดถึงในเทศกาลนี้ ทางทีมจึงกลับมามองที่ตัวตนของแบรนด์ บาร์บีคิวพลาซ่า ที่มีความเชื่อในการทำมื้อนี้ให้ดีที่สุดว่าเป็นแบรนด์ที่ขายประสบการณ์การกินให้กับลูกค้า จะทำยังไงให้ผู้บริโภคได้รับมื้อที่ดีที่สุดกับแม่ของเขา เรารู้สึกว่านอกจากวัตถุดิบแล้ว สิ่งที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่งก็คือการบริการ ผู้ให้บริการคือบุคคลสำคัญที่สุด หากเขามีความสุขแล้ว เขาก็จะสามารถส่งต่อความสุขนั้นออกมาได้ไม่ยาก เราจึงไปคิดจาก insight ในมุมของพนักงานว่าเขาต้องการอะไร ก็พบว่า พนักงานส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัดและในช่วงเทศกาลวันแม่แบบนี้ พวกเขาแทบจะไม่มีโอกาสได้กลับบ้านไปเจอแม่ของพวกเขาเลย เราเลยทำเซอไพร์สให้พนักงานของบาร์บีคิวด้วยการให้เขาตอบคำถามง่ายๆ ที่พวกเราอาจลืมถามตัวเองไปและจับภาพความรู้สึกเหล่านั้นมาร้อยเรียงถ่ายทอดโดยพี่ต่อ ธนญชัย เพื่อให้คนดูได้เห็น reaction ต่างๆ และคิดตามในทุกๆ คำถาม ใน ทุกๆ message ที่เราอยากบอกไป
B.A.D Student Workshop เป็นเหมือนประตูบานแรกที่ทำให้เราได้รู้จักกับโลกโฆษณาจริงๆ เป็นโอกาสที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากผู้ใหญ่ที่เก่งๆ ในวงการโฆษณา ทำให้ได้รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของคำว่า โฆษณา ที่เป็นเครื่องมือที่เอาไว้สื่อสารสิ่งที่เราอยากพูดอยากบอก เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมผู้คนให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นได้ด้วยความคิดสร้างสรรค์ ถ้าหากคิดว่า เรามีไฟ มีพลัง ก็อยากให้ลองเข้ามาเลือกหยิบจับเครื่องมือ เพื่อช่วยกันเปลี่ยนโลกใบนี้ด้วยกันจาก B.A.D Student Workshop ครั้งนี้ครับ
สรศาสตร์ วิเศษสินธุ์ (ยอร์ช) ผู้กำกับโฆษณาอิสระ
B.A.D Student รุ่นที่ 28
ผลงาน : Welcome Sound
เราต้องการบอกว่าเด็กหูหนวกที่เคยพูดไม่ได้สามารถกลับมาได้ยินและพูดได้หากได้รับการผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียม
ผมว่าสิ่งที่สำคัญมากๆในวงการโฆษณา คือ ‘คนรู้จัก’ ตอนที่ผมเวิร์คช็อปที่ B.A.D Student ทำให้ผมเข้าออกเอเจนซี่นู้น เอเจนซี่นี้ทุกอาทิตย์ เพราะต้องเรียนกับพี่ๆครีเอทีฟหรือ ช่างภาพ อิลัสเตรเตอร์ หรือผู้กำกับโฆษณา ที่ทุกคนเป็นระดับโลก ทำให้เราได้รู้จักพูดคุยกับพี่ๆที่นั่น หรือแม้กระทั่งเพื่อนๆที่เวิร์คช็อปด้วยกัน ทุกวันนี้เราก็ยังคุยกันอยู่คนเหล่านี้จะมามีส่วนช่วยในการหาโอกาสต่างๆให้เรา นึกถึงเรา ในวันที่เวิร์คช็อปจบไปแล้วและต้องทำงานในชีวิตจริง ซึ่งตรงนี้มันสำคัญมากๆ
ปกรณ์ ศิริผล (อ๊อฟ) Copywriter, MONDAY B.A.D Student รุ่นที่ 28 (ซ้าย)
ณัฐนันท์ วัชรปรีชาสกุล (นัท) Art director, MONDAY B.A.D Student รุ่นที่ 27 (ขวา)
ผลงาน : The Epic Sleep, Arabus Coffee Campaign : Man/Lady/Office
(Gold Cannes Lions Print & Outdoor 2016)
อ๊อฟ : งานนี้เริ่มจากกาแฟ Arabus ต้องการสื่อสารว่ากินแล้วตื่น แต่ปัญหาคือตื่นมันเป็น benefit พื้นฐานของกาแฟที่ช้ำมาก คือถูกพูดมาน่าจะตั้งแต่ก่อนเราเกิดอีกมั้ง ฮ่าๆ ทั้งทีมก็เลยมาคุยกันแล้วก็พบ insight หนึ่งที่น่าสนใจคือ เดี๋ยวนี้โลก social มันอันตรายเนอะ ทำอะไรพลาดนิดเดียวโดนแชร์ไปทั่วโลก บางทีโดนเอาไปตัดต่อล้อเล่นกันสนุก ซึ่งแน่นอนว่าการเผลอหลับก็เช่นกัน พวกเรารู้สึกว่ามันเป็น insight ที่เข้ากับคนยุคนี้ดี เราเลยหยิบเอา photoshop battle หรือการแข่งกันตัดต่อภาพในเน็ตมาใช้เป็น execution ภายใต้ประเด็นที่ไม่มีกาแฟไหนเคยพูดมาก่อนนั่นก็คือ “In social era, sleep became epic” จึงออกมาเป็นงาน 3 ชิ้นนี้ ที่มี IDEA ขำๆคือ “หลับปุ๊ป กลายเป็น meme ปั๊ป”
นัท : “In social era sleep can become epic” ยุคนี้ห้ามหลับ ถ้าหลับคุณจะกลายเป็นตำนาน คือแนวคิดของโฆษณาชิ้นนี้ครับ งานนี้เริ่มจาก Arabus ต้องการสื่อสารว่าเป็นกาแฟที่กินแล้วตื่น ทีนี้ทางทีม ก็เลยนั่งคุยกันว่า มันมีทางไหนที่จะทำให้งานชิ้นนี้ แตกต่างออกไปบ้างไหม ทางเราจึงหยิบ Insight ที่เห็นได้ตาม Social Media ทั่วไปนั่นคือ ยุคนี้เวลาคนหลับ มักโดนแกล้ง ยิ่งถ้ารูปนั้น โดนใจ หรือ มีเรื่องราว รูปนั้นมักจะโดนตัดต่อ แกล้งกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งเรียกกิจกรรมนี้ว่า Photoshop Battle หรือง่ายๆถ้าเห็นในเมืองไทยคือ เพจรบกวนตัดต่อภาพนี้ให้หน่อยสิ เมื่อเราทำออกมาเป็น Print Ad เราเลย สมมติเรื่องราวขึ้นมาว่า ถ้าเป็นผู้ชายที่หลับที่สนามบิน ผู้หญิงที่หลับบนรถไฟฟ้า และ ถ้าเป็นพนักงานออฟฟิศที่หลับคาโต๊ะ เขาจะโดนแกล้งต่างๆนาๆ ยังไงบ้าง
อ๊อฟ : ตลอด 10 สัปดาห์ที่ workshop เราไม่ได้แค่เห็นงานตัวเอง เราจะเห็นงานของเพื่อนที่ทำโจทย์เดียวกัน มีเวลาเท่ากัน แล้วก็โคตรตื่นเต้นเวลาเห็นงานเพื่อนดีๆ แบบว่า “มันคิดได้ไงวะ!?” มันก็เลยทำให้เราอยากทำงานดีๆทุกสัปดาห์ คือมันก็อายนะเวลางานเรากากๆ ซึ่งสมัยเรียนงานผมก็กากทุกอาทิตย์เอาจริง ฮ่าๆ แต่สุดท้ายมันก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆนะ
ส่วนเรื่อง Connection เวลาเราหางานตอนจบใหม่ เราก็ต้องมีคนรู้จักในเอเจนซี่ เพื่อที่จะได้เอาพอร์ทไปฝากเค้าให้ถึงมือ ซึ่ง B.A.D ให้เราได้ตรงนี้เพราะเราไปเรียนแทบจะทุกเอเจนซี่ ยิ่งคลาสสุดท้ายจะมีพี่ๆจากหลายเอเจนซี่มาดูพอร์ทพวกเราด้วยซ้ำ อย่างตอนผมจบใหม่ พี่เปี๊ยก ที่เป็นคนสอน B.A.D ก็เป็นคนชวนผมกับเพื่อนรุ่นไปเริ่มงานคู่กันที่ Adapter Digital Agency หรืออย่างเพื่อนที่เรียนด้วยกันทุกวันนี้ก็กระจายไปตามเอเจนซี่ต่างๆ เวลาเอเจนซี่ไหนหาคน ก็บอกต่อกันตลอด เรียกว่าโอกาสในการทำงานมาไม่ขาดสาย คือวงการมันแคบไง ฮ่าๆ B.A.D Student Workshop สำหรับผมจึงเหมือนคลาสที่พาเราก้าวขาเข้ามาในวงการนี้ครึ่งตัวแล้ว อีกครึ่งตัวก็อยู่ที่ความสามารถของเราล้วนๆ
นัท : ตอนที่ผมเรียนอยู่ปี 3 คณะมัณฑนศิลป์ สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ผมรู้ตัวเลยว่า ผมไม่ได้วาดรูปเก่ง หรือทำงานสวยงาม ได้มากมายเหมือนเพื่อนๆ ผมรู้แต่ว่าผมชอบคิด เมื่อได้ยินว่า มี B.A.D Student Workshop ผมก็ลองส่งดู และก็เผอิญติด พอเข้าไปเรียนก็ทำให้ผมรู้จัก อีกวงการนึงนั่นคือ วงการโฆษณา และทำให้ผมรู้จักกับอาชีพ Art director ซึ่งก็ทำให้ผมรู้ว่า นี่แหละทางที่ผมน่าจะพอไปได้
พอเข้าไปเรียนเราก็จะต้องทำงานแข่งกัน กับพี่ๆ เพื่อนๆในคลาส ซึ่งงานผมห่วยแตกมากครับทุกอันเลย เมื่อพอเราดูงานที่พี่ๆเพื่อนใน คลาสทำมา มันทำให้เราเห็นว่า โจทย์เดียวกันนี้ มันสามารถพัฒนาไอเดีย ไปได้หลายทางมากๆ ซึ่งพี่ๆ และวิทยากรในแต่ละอาทิตย์ ก็คอมเมนท์ งานได้ดีเยี่ยม เรียกได้ว่ายิงเละเทะ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรต่างๆได้มากเลยครับ
ผมเคยได้ยินคำว่า “แค่ติด B.A.D ขาข้างนึงก็ก้าวไปเหยียบวงการโฆษณาแล้ว”ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงครับ คำว่า “ผมเคยเรียน B.A.D” มักจะทำให้พี่ๆ ครีเอทีฟเชื่อในศักยภาพของเราว่า เราทำได้ ซึ่งผมก็ใช้ ประสบการณ์นี้เป็น 1 ในประสบการณ์ที่ทำให้ MONDAY รับผมเข้าทำงาน ทำให้ผมได้มีโอกาสเข้าไปพัฒนาตัวเอง ได้เข้ามาทำงานในเอเจนซี่ที่โคตรสนุก ซึ่งก็ต้องขอบคุณพี่ๆ ทุกท่านที่ช่วยสั่งสอนและช่วยสนับสนุนผมครับ
เจตต์ พัฒนะจินดา (เจตต์) Creative Group Head, OgilvyOne Worldwide Limited
B.A.D Student รุ่นที่ 20
ผลงาน : Message from a dead man #BetterSocial
ชาวโซเชียลแทบทุกคน คงต้องมีพฤติกรรม นิ้วลั่น พอได้ข่าวอะไรมา โดยเฉพาะข่าวแง่ที่ไม่ดีของคนอื่นๆ ก็จะต้องรู้สึกคันไม้คันมือ อยากร่วมวงกระหน่ำซ้ำเติม อดไม่ได้ที่จะต้องกดแชร์มันไปก่อนโดยที่ยังไม่ทันได้รู้เลยว่าไอ้เรื่องที่เค้าว่าๆกันมานี่มันมีน้ำหนักที่จะเป็นเรื่องจริงมากน้อยแค่ไหน นี่เป็นโจทย์จาก AP แบรนด์ที่เค้าไม่ได้มีเป้าหมายที่จะทำแค่ที่อยู่อาศัย แต่ยังต้องการสร้างพื้นที่สังคมที่ดียิ่งกว่า
วิธีที่สื่อสารกับคนในสังคมก็คือหยิบเอาผลลัพธ์ของการแชร์ที่ไม่มีใครเคยรู้ ออกมาให้เห็นกันเป็นครั้งแรก คนแรกที่นึกถึงก็เป็นคนนี้เลย ผู้ชายที่รองเท้ามีรูเมื่อสองสามปีก่อน จำได้ว่าเค้าออกมาแจ้งความเพื่อแก้ต่างเหมือนกัน แล้วสุดท้ายเรื่องก็เงียบไป พอเล่าให้ทุกคนในทีมฟังเค้าก็รู้สึกเหมือนกัน คืออยากรู้ว่าเออแล้วตอนนี้เค้าเป็นยังไง เค้าหายไปไหนทำอะไรอยู่ก็ ทีมเลยเริ่มต้นค้นหาตัวชายคนนั้น..
พอได้คุยกับเค้าครั้งแรก เฮ้ย เรื่องมันยิ่งกว่าที่คิดไว้ มันโหดร้ายมากชนิดที่ไม่มีใครสมควรเผชิญหน้ากับอะไรแบบนี้เลย เสียดายว่าในคลิปมันเป็นแค่ส่วนเล็กๆที่ถ่ายทอดออกมาได้ ความจริงมันโหดร้ายกว่าที่เราคิดไว้มาก ก็เลยใช้ความจริงนี่แหละเป็นตัวเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา จนออกมาเป็นแคมเปญ #BetterSocial ที่เหมือนเป็นแรงกระเพื่อมลูกใหญ่สู่สังคม
B.A.D Student Workshop ก็เหมือนเป็นประตูบานใหญ่ที่เชื่อมระหว่างรั้วมหาวิทยาลัยกับชีวิตจริง เชื่อว่าเด็กทุกคนเข้าไปแล้วจะรู้สึกแบบ ชีวิตจริงมันแบบนี้หรอเนี่ย ทุกมหาลัยน่าจะคล้ายๆกัน คือเรียนอะไรมา..สุดท้ายก็ต้องมาเรียนรู้ใหม่กันหมด เหมือนทุกคนจะแบก Logic ของตัวเองมา อยู่ในโลกของตัวเอง เพราะอาจารย์มหาลัยเค้าก็ไม่ค่อยด่าอะไรมากหรอก พอมาใน Workshop ก็เหมือนได้เรียนรู้วิธีคิดใหม่จากระดับเทพของวงการ มาโดนเค้าด่า ซึ่งมันช่วยให้เราพัฒนา แล้วที่สำคัญกว่าคือเราจะเจอคนที่มีความสนใจเหมือนเราเต็มไปหมดที่บูชา Creativity แล้วมันจะเกิดการสร้างบรรยากาศของการแข่งขัน ที่มันเป็นอะไรที่โครตสนุก มีเงินก็หาซื้อไม่ได้นะอะไรแบบนี้
ถ้าคุณเชื่อว่าเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ เจอกันในเวที B.A.D Student Workshop ได้
รับโจทย์ : วันอังคารที่ 6 กันยายน 2559 เวลา 13.00 น. ณ ห้องอเนกประสงค์ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC)
ติดตามรายละเอียดผ่านทาง Facebbook: Bangkok Art Directors’ Association
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-530-9300 ต่อ 27,58