ตัวหนา เตี้ยล่ำ หน้าละอ่อน ฯลฯ สารพัดคำบรรยายมากมายที่ Shawn Johnson อดีตนักกีฬายิมนาสติกเหรียญมองโอลิมปิกได้รับจากสื่อที่ลงข่าวการแข่งของเธอ น้อยครั้งนักที่พวกเขาจะไม่พูดถึงรูปร่างหน้าตา แม่ของเธอมักจะพูดปลอบโยนอยู่เสมอว่า “ลูกรัก มองที่ความสำเร็จของหนูสิจ๊ะ มองที่ความสุขที่ลูกได้รับเมื่อลูกอยู่บนเวทีแข่ง อย่าให้ใครที่พูดเรื่องไม่ดีมากระทบความรู้สึกของเราได้” ตอนนี้ Johnson ต้องการเป็นหนึ่งเสียงสำหรับสาวๆ รุ่นต่อไป ที่จะเปลี่ยนวิธีการที่สื่อพูดถึงพวกเธอใหม่
Johnson ประกาศถึงความร่วมมือของเธอกับ Dove ในแคมเปญ #MyBeautyMySay รณรงค์ให้สื่อและสาธารณะชนโฟกัสที่ความสามารถในการแข่งขันไม่ใช่รูปร่างหน้าตาของพวกเธอ
“สำหรับนักกีฬาผู้หญิง ฉันรู้สึกเหมือนว่าโลกทุกวันนี้ให้ความสำคัญกับความงามภายนอกมากกว่าความสามารถทางกีฬา ฉันจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับเรื่องนี้” Johnson กล่าว
แคมเปญเริ่มขึ้นด้วยการใช้บิลบอร์ดใน Time Square ใน New York มีข้อความจากสื่อต่างๆ ที่เคยพูดถึงเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของนักกีฬาหญิงทับบนภาพของนักกีฬาเหล่านั้นขนพวกเธอหายไป ซึ่ง Dove ต้องการจะสื่อว่าคำพูดต่างๆ เหล่านี้ที่สื่อปล่อยออกมานั้นบดบังตัวตนและความสำเร็จของพวกเธอจนหมดสิ้น
อีกพาร์ทหนึ่งของแคมเปญเกิดขึ้นในทวิตเตอร์โดย Johnson และ Dove จะร่วมกันชวนคนไปยังแคมเปญไซต์เพื่อร่วมกันโพสต์แฮชแท็ก #MyBeautyMySay เมื่อพบเจอสื่อที่ใช้คำพูดถึงนักกีฬาหญิงในลักษณะวิพากษ์วิจารณ์รูปร่างหน้าตา เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการใช้คำพูดในข่าวหรือบทความเหล่านั้น
“เราสร้างกลุ่มคนขึ้นมาเพื่อมาร่วมยืนหยัดไปด้วยกัน เมื่อมีคนเห็นด้วยมากขึ้น การกล่าวถึงความไม่เหมาะสมที่เกิดขึ้นครั้งหนึ่งก็เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ถ้าพบเห็นอะไรที่รู้สึกว่า นี่มันไม่ถูกต้อง สื่อไม่ควรพูดแบบนั้น ด้วยพลังมวลชนเราสามารถเปลี่ยนให้มันถูกต้องได้ แบบที่พวกเขาจะไม่อาจปฏิเสธ” Johnson กล่าว
ในจดหมายเปิดผนึกที่เขียนถึงสื่อในช่วงเริ่มแคมเปญ Johnson ยกตัวอย่างคำพูดที่เธอเคยได้เห็นจากสื่อเมื่อไม่นานมานี้ในการใช้บรรยายถึงนักกีฬาหญิง เช่น แม่สาวผมบลอนด์สุดเร่าร้อน น้องหน่มน๊มใหญ่ คนสวยก้นสะบึม เป็นต้น ซึ่งเป็นตัวอย่างเพียงบางส่วนที่นักกีฬาหญิงต่างรู้สึกว่าเป็นคำที่ค่อนข้างดูหมิ่นพวกเธอ Johnson ในวัย 24 ปี เข้าใจดีถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากคอมเมนท์ประเภทนี้ เธอเล่าให้ฟังว่าเธอตกเป็นเป้าของคำวิพากษ์วิจารณ์ตั้งแต่อายุ 16 สื่อต่างๆ ที่เขียนข่าวถึงเธอวิจารณ์แม้กระทั่งขนาดไซส์ของหูเธอ
“ฉันไม่แคร์ว่าใครวิจารณ์อะไรฉัน และฉันก็อยากให้คุณไม่แคร์เช่นกัน แต่ที่ฉันต้องการมากกว่าคือให้คุณวิพากษ์วิจารณ์ความสามารถของฉัน ถ้าคุณบอกว่าฉันยังกระโดดตีลังกาไม่สูงพอ ฉันอาจปฏิเสธที่จะยอมรับหรือกลับบ้านไปฝึกฝน แต่ถ้าฉันกระโดดตีลังกาไม่สูง แต่คุณบอกว่าฉันยังไม่สวยพอ แล้วจะให้ฉันทำยังไง?”
ท้ายที่สุด Johnson บอกเราว่าความมั่นใจในศักยภาพนักกีฬาของตัวเองและการเพิกเฉยต่อคำวิจารณ์หยาบคายทั้งหลายเป็นสิ่งที่พาเธอสู่ความสำเร็จในอาชีพนักกีฬา แต่แม้ว่าเธอจะเข้มแข็งพอที่จะผ่านมันมาได้แต่ก็ไม่ต้องการให้นักกีฬาหญิงรุ่นน้องต้องเจอกับประสบการณ์เลวร้ายในการถูกวิจารณ์แรงๆ แบบที่เธอต้องอดทนมานาน และเธอบอกว่าแคมเปญนี้มีความหมายกับเธอมากๆ เพราะมันอาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีของนักกีฬายิมนาสติกรุ่นใหม่ๆ
“ถ้าเราสามารถทุ่มเทและเปลี่ยนมันได้ก็หวังว่านั่นจะช่วยให้เด็กๆ รุ่นต่อไปไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก พวกเขาจะสามารถเล่นกีฬาได้แบบที่ทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมและแข่งขันอย่างเต็มที่ ไม่ใช่มัวกังวลแต่กับเรื่องภาพลักษณ์”
แปลและเรียบเรียงโดย Prim NM