นับตั้งแต่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทรงเยี่ยมราษฎรทั่วทุกภูมิภาค ทรงพบเห็นราษฎรของพระองค์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบาก มีความเดือนร้อน จึงทรงส่งเสริมให้ราษฎรในทุกภูมิภาคทำอาชีพเสริมรายได้ โดยใช้ภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่น ด้วยพระอัจฉริยภาพของพระองค์จึงได้ทอดพระเนตรเห็นความเป็นศิลปินในสายเลือดของคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการทอผ้าและปักผ้า ที่สืบทอดกันมาแต่ปู่ย่าตายาย คงไว้ด้วยฝีมืออันประณีต ละเอียดอ่อน ดังพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า “…ทุกแห่งที่ตามเสด็จจะเห็นว่าชาวอีสานนี้นุ่งซิ่นไหมมัดหมี่ ข้าพเจ้าก็บอกว่าขอให้ฉันสักตัวจะได้ไหม เขาบอกว่าเอาไปทำไมของบ้านนอกคอกนา คนรวยๆ เขาไม่ใส่กันหรอก ก็บอกกับเขาว่าสวยจริงๆ ไม่ใช่แกล้งยกยอ เพราะว่าเป็นของสวยงามมาก เขาก็เลยยินดี เขาบอกว่าถ้าจะใส่จริงเขาจึงจะทำให้ บอกว่าทำมาเถอะแล้วจะใส่ เขาก็ช่วยกันทำมา…” (พระราชดำรัสเมื่อ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2523)
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีต่อพสกนิกร และร่วมสืบสานพระราชปณิธานในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย กอปรกับในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 ห้างเซ็นทรัลชิดลม และศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ร่วมกับ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สนับสนุนโดย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เตรียมจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ “วิจิตรพัสตรา 84 พรรษา บรมราชินีนาถ” ขึ้น ระหว่างวันที่ 5-17 สิงหาคม 2559 ณ ดิ อีเว้นต์ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัลชิดลม และวันที่ 5-21 สิงหาคม 2559 ณ ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี
ยุวดี จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้า บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เล่าถึงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ ครั้งนี้ว่า “ผ้าไทยและการปักผ้านั้นถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของไทย ที่มีความสวยงามเชิงศิลปะและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ห้างเซ็นทรัลจึงตั้งใจจัดนิทรรศการนี้ขึ้น เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจและพระราชจริยวัตรอันงดงามของพระองค์ท่าน พร้อมร่วมสืบสานพระราชปณิธานในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยให้คนไทยและคนต่างชาติได้ชื่นชม โดยเฉพาะการส่งเสริมความงามของศิลปะ ‘งานปัก’ ซึ่งความพิเศษของงานคือการรวบรวมความหลากหลายของงานปักไว้ในที่เดียว อาทิ ความงดงามของผ้าพื้นเมืองที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค ทั้งในด้านทอผ้าไหม ผ้าฝ้าย งานปักพัสตราภรณ์โขน งานปักซอยแบบไทยโบราณ การปักผ้าชาวไทยภูเขา และอีกหนึ่งไฮไลท์พิเศษที่หาชมยากมากคือ ฉลองพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จำนวน 7 องค์ ที่ตัดเย็บจากผ้าไทยและโดดเด่นด้วยลายปักอันวิจิตร ซึ่งปกติเราจะมีโอกาสได้เห็นในพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ เท่านั้น นิทรรศการจะจัดขึ้นที่ห้างเซ็นทรัลชิดลม และ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ซึ่งมีการจัดสรรพื้นที่ ดังนี้
ห้างเซ็นทรัลชิดลม : ณ ดิ อีเว้นต์ฮอลล์ ชั้น 3 ระหว่างวันที่ 5-17 ส.ค. 59 เวลา 10:00-22:00 น. มีการจัดนิทรรศการ แบ่งเป็น 8 โซน ได้แก่
Zone A : “วิจิตรพัสตรา 84 พรรษา บรมราชินีนาถ”
บอกเล่าที่มาของการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา เพื่อร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงพสกนิกร รวมทั้งแสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพที่ทอดพระเนตรเห็น “ความเป็นศิลปิน” ที่มีอยู่ในจิตวิญญาณของคนไทย
Zone B : จากผ้าทอที่ใช้สอย สู่ผ้าไทยที่สร้างชื่อ
จุดเริ่มต้นที่ทรงสนพระราชหฤทัยผ้าพื้นเมืองแทบทุกประเภทอย่างแท้จริง โดยทรงตั้งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ขึ้น เพื่อส่งเสริมการทอผ้าของชาวบ้านในชนบท ทั้งยังทรงฉลองพระองค์ผ้าไทยในชีวิตประจำวัน และในงานพระราชพิธีต่างๆ ทั้งทรงนำไปเผยแพร่ในต่างประเทศ นอกจากเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้แก่คน
ในท้องถิ่นแล้ว ยังสร้างความภาคภูมิใจแก่ผู้สร้างงานให้ยังคงรักษาและถ่ายทอดเอกลักษณ์ท้องถิ่นสู่คนรุ่นถัดไป มีแผนที่ประเทศไทยที่ทำด้วยจิ๊กซอว์แสดงให้เห็นว่าผ้าแต่ละประเภทมาจากที่ใด
Zone C : ปักพัสตรา…โขนพระราชทาน
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชดำริให้จัดสร้างเครื่องแต่งกายโขนขึ้นใหม่สำหรับใช้ในการแสดงโขนพระราชทาน ทรงกำชับให้ยึดถือรูปแบบเครื่องแต่งกายโขนแบบโบราณ มีการปักสะดึงกรึงไหมรวมทั้งฟื้นฟูเทคนิคต่างๆ แบบโบราณที่เกือบเลือนหายไปนำมาพัฒนาให้เหมาะสมกับการแสดงบนเวทีในปัจจุบัน ในส่วนนี้ จะจัดแสดงภาพตัวละครโขนและจัดแสดงผ้าห่มนาง และผ้าห้อยหน้าห้อยข้าง ซึ่งมีความวิจิตรงดงามของงานปักที่ละเอียดประณีต
Zone D : ผ้าปักซอยจากแดนใต้
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงริเริ่มให้ชาวบ้านในภาคใต้มีอาชีพเสริมจากการปักผ้า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ส่งครูลงไปสอนและสนับสนุนอุปกรณ์ให้ชาวบ้านในภาคใต้ได้ลองฝึกหัดงานปักซอยแบบโบราณของไทย จนในวันนี้ได้กลายเป็นผลงานเด่นเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ในส่วนนี้จะมีการนำต้นแบบงานปัก เครื่องมืออุปกรณ์ และภาพที่แสดงให้เห็นถึงวิธีการปักจาก มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ซึ่งจะถ่ายทอดความวิริยะอุตสาหะของผู้ปักได้เป็นอย่างดี
Zone E : ผ้าปักจาก 6 ชนเผ่า
นำเสนอผ้าปักของชาวไทยภูเขา 6 ชนเผ่า ได้แก่ กระเหรี่ยง (หรือยาง), ลีซู (หรือลีซอ), เมี่ยน (หรือเย้า), อาข่า (หรืออีก้อ), ลาหู่ (หรือมูเซอ) และม้ง (หรือแม้ว) โดยจะนำผ้าจาก 6 ชนเผ่ามาทำเป็นศิลปะภาพปะติด หรือ คอลลาจ (Collage) อย่างน่าสนใจ รวมทั้งจัดแสดงย่ามขนาดต่างๆ ที่บอกเล่าเอกลักษณ์ของแต่ละเผ่า
Zone F : ประณีตศิลป์บนผืนผ้า สู่พัสตราฉลองพระองค์
นำเสนอความงามวิจิตร 7 ฉลองพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่มีการตกแต่งด้วยงานปักอันประณีต ด้วยวิธีปักพัสตราภรณ์ชั้นสูงมาใช้ในการตัดเย็บ ล้วนแต่งดงามประณีต ซึ่งฉลองพระองค์เหล่านี้ทรงเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินปฏิบัติพระราชกรณียกิจทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจากพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในการเชิญฉลองพระองค์ทั้ง 7 องค์
มาจัดแสดง
Zone G : กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ
ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ได้นำเสนอความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ จัดหลากหลายกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจ ตลอดจนพระราชปณิธานที่จะทรงช่วยพัฒนาความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้น
Zone H : กิจกรรม DIY
ชวนผู้ชมงานเลือกชิ้นผ้าปัก เพื่อนำมาเย็บบนถุงผ้าดิบหรือเสื้อยืด หรือเลือกลายเพื่อปักซอยตามแบบ แล้วนำกลับไปเป็นที่ระลึก
ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี : ระหว่างวันที่ 5-21 ส.ค. 59 เวลา 10:00-22:00 น.
ชั้น G : นิทรรศการจัดแสดงพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ, การจัดแสดงชุดผ้าไทยผสมผสานกับงานปักแบบต่างๆ จำนวน 17 ชุด ออกแบบสร้างสรรค์โดย 3 สุดยอดดีไซเนอร์ระดับตำนานแห่งวงการแฟชั่นไทย ได้แก่ ธีระพันธ์ วรรณรัตน์ แห่งแบรนด์ TIRAPAN (ธีระพันธ์), พิจิตรา บุณยรัตพันธุ์ แบรนด์ PICHITA (พิจิตรา), นคร สัมพันธารักษ์ แบรนด์ NAGARA (นาการ่า) และ 7 ดีไซเนอร์ชั้นนำของไทย ได้แก่ อัญชลี วิกสิตนาคกุล แบรนด์ ANCHAVIKA (อัญชวิกา), พลพัฒน์ อัศวะประภา แบรนด์ ASAVA(อาซาว่า), ไดน่า นิมิตรวานิช แบรนด์ CALISTA (คาลิสต้า), กรัชเพชร อิสสระ แบรนด์ KEMISSARA (เข็มอิสสระ), มลลิกา เรืองกฤตยา แบรนด์ KLOSET (คลอเส็ท), ปฏิญญา เกี่ยวข้อง แบรนด์ PATINYA (ปฏิญญา) และ ธีร์รัฐ ว่องวัฒนะสิน แบรนด์ VICKTEERUT (วิกธีร์รัฐ) ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นนิทรรศการจะจำหน่ายเพื่อนำรายได้สมทบมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ต่อไป และกิจกรรมไฮไลท์ที่เปิดโอกาสให้ผู้มาเที่ยวชมงานได้รวมพลังสามัคคีและแสดงความจงรักภักดี ด้วยการมาร่วมช่วยกันปักผ้าด้วยไหมสีทองเป็นคำว่า “Long Live The Queen” บนผืนผ้าไหมสีฟ้าอมน้ำเงิน ขนาด 7 เมตร ก่อนจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ต่อไป
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ, โครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริฯ และโครงการสถานีเกษตรที่สูงตามพระราชดำริฯ ที่ชั้น 2 โซน เดอะ บัลโคนี ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ระหว่างวันที่ 5-21 ส.ค. 59 และการจำหน่ายผ้าไทยจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ที่ชั้น 2 โซน THAITHAI ห้างเซ็นทรัล ชิดลม ระหว่างวันที่ 11-14 ส.ค. 59
สำหรับพิธีเปิดนิทรรศการฯ จะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2559 เวลา 18:30 น. ณ ดิ อีเว้นต์ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัลชิดลม ได้รับเกียรติจาก ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ เป็นประธานเปิดงาน โดยมีไฮไลท์การแสดงแฟชั่นโชว์ชุดผ้าไทยผสมผสานกับงานปักแบบต่างๆ จำนวน 17 ชุด ออกแบบสร้างสรรค์โดย 3 สุดยอดดีไซเนอร์ระดับตำนานแห่งวงการแฟชั่นไทย ร่วมด้วย 7 ดีไซเนอร์ชั้นนำของไทย ซึ่งทุกชุดได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชจริยวัตรและพระราชกรณียกิจ
“เราตั้งใจจัดนิทรรศการฯ ครั้งนี้ขึ้นโดยขอเป็นสื่อกลางร่วมสืบสานพระราชปณิธานในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย ขอขอบคุณมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ, พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ, ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้ความสนับสนุนหลัก และสุดยอดดีไซเนอร์ชั้นนำของไทย และอยากเชิญชวนทุกคนหาโอกาสมาชม มาศึกษา และร่วมภาคภูมิใจในภูมิปัญญาไทยด้วยกันค่ะ” ยุวดี ทิ้งท้าย
พลาดไม่ได้กับนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ “วิจิตรพัสตรา 84 พรรษา บรมราชินีนาถ” วันที่ 5-17 ส.ค. 59 ณ ดิ อีเว้นต์ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัลชิดลม และศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี จัดถึง 21 ส.ค. 59 เวลา 10:00-22:00 น. ชมฟรี! โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ