การแข่งขันของธุรกิจดิจิทัลทีวีปีนี้ ยังคงดุเดือดต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านคอนเทนต์ ที่บรรดาช่องหลักทยอยเปิดตัวคอนเทนต์ใหม่เพิ่มขึ้น เพราะถือเป็นหัวใจหลักของธุรกิจสื่อ
ล่าสุด “บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)” ประกาศผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกปี 2559 ว่า มีกำไรอยู่ที่ 162.6 กว่าล้านบาท เพิ่มมา 111% จากครึ่งปีที่แล้ว ที่กำไรประมาณ 77 ล้านบาท โดยธุรกิจที่เติบโตขึ้นมาก คือ ธุรกิจช่องเวิร์คพอยท์ ซึ่งมีรายได้คิดเป็นประมาณร้อยละ 90 ของรายได้รวม
ทั้งนี้อัตราการขายโฆษณาของช่องเวิร์คพอยท์ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเรตติ้งปรับขึ้นมาโดยตลอด ถ้าเทียบในช่วงปี 2557 ตอนที่เริ่มต้นช่องเวิร์คพอยท์ ในไตรมาส 2 เรตติ้งอยู่ที่ประมาณ 0.25 แต่ปัจจุบันเรตติ้งขยับขึ้นเป็น 1.2 ทำให้อัตราค่าโฆษณาปรับขึ้นตามเรตติ้งที่เพิ่มมากขึ้นด้วย จากขายเฉลี่ยนาทีละหมื่นกว่าบาท ขณะนี้โดยเฉลี่ยห้าหมื่นกว่าบาท และมีแนวโน้มจะปรับขึ้นเรื่อยๆ
“ปีนี้เป้าการเติบโตของรายได้รวมทั้งกลุ่มบริษัทน่าจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ คือ รายได้รวมน่าจะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท รายได้หลักอยู่ที่ธุรกิจช่องเวิร์คพอยท์ประมาณ 2,500-2,600 ล้านบาท ส่วนธุรกิจอื่นๆ เช่น คอนเสิร์ต และ Event รายได้รวมกันประมาณ 300 ล้านบาท ที่เหลือก็จะเป็นธุรกิจอื่นๆ กำไรของปีนี้เรามองที่อัตรากำไร Net Profit Margin อยู่ที่ 10 -11% ซึ่งเป็นเป้าเดิมที่เคยตั้งไว้
ขณะที่ค่าใช้จ่ายต้นทุนการผลิต ปีนี้ทั้งปีน่าจะใช้ไป 567 ล้านบาท ต่ำกว่าต้นทุน Budget ที่กำหนดไว้ที่ 650 ล้านบาท ถือว่าบริหารต้นทุนได้ดี หลักๆ คือเราดูตาม Performance รายการด้วย รายการไหนที่เรตติ้งยังดีอยู่ เราก็พยายามรักษา Momentum นั้นไว้ เพราะถ้า Performance ได้ ก็ยังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มรายการใหม่เข้าไป เป็นการบริหารต้นทุนให้เหมาะสมกับรายได้ที่เข้ามา” คุณสุรการ ศิริโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินการลงทุน ฉายภาพการดำเนินธุรกิจในปีนี้
นอกจากนี้เวิร์คพอยท์ยังคงปรับเปลี่ยนคอนเทนต์อยู่เรื่อยๆ มีทั้งเพิ่มคอนเทนต์และปรับผัง อย่างครึ่งปีหลังมีการแทรกรายการใหม่เข้าไป เช่น รายการไมค์หมดหนี้ ซึ่งปัจจุบันมีเรตติ้ง 3.23 ส่วนรายการที่ยังคงทำเรตติ้งสูงสุดให้กับช่อง คือ ไมค์ทองคำ, ไมค์ทองคำเด็ก, I Can See Your Voice, ปริศนาฟ้าแลบ และ ชิงร้อยชิงล้าน ว้าว ว้าว ว้าว
สำหรับในไตรมาส 4 เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมจะมีการปรับผัง โดยการดึงรายการฟอร์แมทใหญ่เข้ามา อาทิ Let me in Thailand season 2, The Mask singer, ไมค์ทองคำหมอลำฝังเพชร, เดี่ยวดวลไมค์ ฯลฯ ส่วนใหญ่เป็นรายการประเภทวาไรตี้ ซึ่งเวิร์คพอยท์คาดว่าจะมีผลตอบรับด้านเรตติ้งเป็นอย่างดี ขณะที่คอนเทนต์ประเภทละคร มีไตรมาสละ 1 เรื่อง ล่าสุดที่กำลังจะออนแอร์เรื่องแรงชัง
“การแข่งขันของดิจิทัลทีวีรุนแรงมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว หลายช่องเพิ่มคอนเทนท์ต่างๆ เข้ามา แต่เวิร์คพอยท์เราทำรายการที่เราถนัดได้ดีอย่างต่อเนื่องและสามารถรักษาตำแหน่งเรตติ้งอันดับ 3 ของช่องทั้งหมดไว้ได้ ทำให้เรตติ้งในภาพรวมเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ เพราะฉะนั้นเราเชื่อมั่นว่าเรตติ้งเป้าหมายเฉลี่ยทั้งปีที่ 1.2 เป็นไปได้อยู่แล้ว และสิ้นปีเรตติ้งน่าจะเกิน 1.2” คุณสุรการ กล่าวทิ้งท้าย