“อย่าเอาแต่นั่งดูและคิดว่าการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจในเชิงดิจิทัลจะไม่เกิดขึ้นกับบริษัทของคุณ หากแต่คุณควรจะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงซะเองด้วยซ้ำ” Kim Douglas, Vice President และ APAC Managing Director ของ SapientNitro and Razorfish กล่าว
ผู้นำในธุรกิจจากทุกประเภทองค์กรกำลังถูกปรับภาพลักษณ์ ปรับโครงสร้าง และปรับเครื่องมือเพื่อเตรียมรับยุคดิจิทัลที่ใกล้เข้ามาทุกที ยุคที่ผู้นำจำนวนมากเชื่อว่ามันขึ้นอยู่กับคนในวงการสื่อ ซึ่งไม่ใช่ความคิดที่มีประโยชน์สำหรับผู้นำที่อยู่ท่ามกลางสงครามของการแข่งขันหากจะเอาแต่นั่งรอให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากคนอื่นแล้วค่อยวิ่งตาม
ซึ่งการปรับเปลี่ยนบทบาทหลายๆ ด้านของผู้นำเหล่านี้ส่งผลกระทบถึงการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในเชิงดิจิทัลด้วยเช่นกัน มันกำลังเปลี่ยนอุตสาหกรรมของพวกเราและส่งผลกับ CMO และ CIO แบบข้ามซีกโลกกันเลยทีเดียว สำหรับบริษัทข้ามชาติทั้งหลาย Digital Business Transformation แต่สำหรับเอเยนซี่ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้กำลังเปลี่ยนลูกค้าของเรา งบประมาณของเรา และวงการของเรา
เพื่อที่จะทำให้บทบาทของผู้บริหารขององค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ดำรงตำแหน่ง CMO ชัดเจนมาขึ้นในยุคที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ Digital Business Transformation ผู้เขียนบทความนี้ Kim Douglas ได้เล่าถึงคำตอบที่เขามักใช้พูดคุยกับบรรดาลูกค้าที่มาปรึกษาในเรื่องนี้ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลง
Q: อะไรเป็นตัวขับเคลื่อนความจำเป็นในการเกิด Digital Business Transformation
A: ผู้บริโภค ความเข้าใจและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็วของผู้บริโภคยุคใหม่นั้นทำให้บริษัทจำนวนมากต้องมองหาช่องทางที่พอดีระหว่างสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการและสิ่งที่พวกเขาพอจะสามารถทำให้ได้
ในขณะที่หลายๆ ธุรกิจเคยมีช่วงที่ล้มลุกคลุกคลานเอาตัวรอดในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลมาแล้ว แต่ก็ยังมีความจำเป็นทางการค้าบางอย่างที่กำลังคืบคลานเข้ามาเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านที่ว่าส่งผลกระทบต่อทุกธุรกิจอย่างทั่วถึง ซึ่งคือตัวแปรที่จะทำให้ผู้นำในธุรกิจต่างๆ ปรับวิธีคิดเกี่ยวกับวิธีการที่พวกเขาจะเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลได้อย่างแท้จริง
Q: ในแผนกการตลาดเรามีการดึงเอาความเป็นดิจิทัลเข้ามาใช้บ้างแล้ว นั่นยังไม่เพียงพออีกหรือ?
A: การเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้สามารถกล่าวได้ว่าส่วนงานการตลาดเป็นสิ่งที่น่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ซึ่งหากสิ่งที่บริษัทกำลังทำอยู่เป็นแค่การพยายามนำเข้ามาปรับใช้ในบางส่วนนั่นอาจยังไม่พอที่จะรองรับความต้องการและความคาดหวังของผู้บริโภคในยุคดิจิตัลได้ ยิ่งในอนาคตที่คนจะยิ่งคาดหวังมากกว่าที่เป็น มากกว่าที่ได้ยิ่งขึ้นไปอีกยิ่งไม่เพียงพอ
ยกตัวอย่างเช่นบริษัทขายรถที่รู้ดีว่าในปัจจุบันผู้ซื้อรถคาดหวังการบริการที่ดีที่สามารถดำเนินการผ่านระบบดิจิตัลได้ ทั้งในเรื่องของตัวรถเองและบริการต่างๆ ที่ล้วนตั้งความหวังว่าต้องมีความล้ำเทคโนโลยีมากขึ้น และอนาคตพวกเขาจะยิ่งคาดหวังมากขึ้นไปอีก ดังนั้น Digital Business Transformation จึงเป็นเรื่องของความท้าทายตัวเองในพยายามปรับธุรกิจให้เข้ากับยุคสมัยเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บรโภคให้ได้สูงสุด รวมทั้งเสนอสิ่งใหม่ๆ เพื่อแซงหน้าคู่แข่ง
Q: CMO สามารถทำอะไรในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ได้บ้าง
A: CMO ควรเป็นคนริเริ่มในการพูดคุยถึงประเด็นนี้ และควรเป็นคนที่เข้าใจเทคโนโลยีมากคนหนึ่ง เพราะหากจะพาบริษัทและลูกน้องในแผนกก้าวข้ามยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านนี้ พวกเขาคงต้องการคนที่มีพลังพอที่จะนำพาพาบริษัทไปในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จากการสำรวจของ Publicis.Sapient group out of Europe เปิดเผยว่า มี CEO แค่ 25% เท่านั้นที่มอบความไว้วางใจให้ CMO ทำหน้าที่สำคัญในการปรับธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล ดังนั้น CMO ที่ริเริ่มได้ดีย่อมเป็นผู้นำที่ดีในการนำพาธุรกิจเข้าสู่ความเป็นดิจิทัลได้อย่างเต็มตัว
Q: ถ้านั่งดูเฉยๆ ไม่ปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลงจะเป็นอย่างไร
A: เราคงไม่ปฏิเสธได้ว่าระดับการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ของธุรกิจคือเทคโนโลยี และเทคโนโลยีคืออนาคต มันคือโอกาส ดังนั้นถ้าใครที่เมินเฉยไม่สนใจโอกาส ก็จะเป็นคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ธุรกิจใหญ่ๆ ทั้งหลายจึงถึงเวลาวางกลยุทธ์ดิจิทัลของตัวเองและตั้งใจทำตามแผนนั้น ผลจากการทำตามแผนที่ถูกวางไว้เป็นอย่างดีจะส่งผลต่อความอยู่รอดและเป็นตัวแปรของความสำเร็จตั้งแต่ปี 2020 และสืบต่อไป
การเปลี่ยนแปลงแต่ละคร้งล้วนมีความหมายต่อธุรกิจถ้าคุณให้ความสำคัญกับผู้บริโภค ควมท้าทายในครั้งนี้จึงอยู่ที่การยกระดับความคาดหวังและความเป็นไแได้ในการผลิตสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ได้ในทุกรูปแบบ
Q: แต่ถ้าเราเป็นตลาดเอเชียล่ะ? การเปลี่ยนแปลงที่ว่าสำคัญกับเราแค่ไหน ที่ผ่านมาการเปลี่ยนแปลงในตะวันตกไม่ค่อยส่งผลกระทบกับลูกค้าของเราเท่าไหร่
A: อย่าลืมว่าลูกค้าคือตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในทุกการเปลี่ยนแปลงและแบรนด์ต้องหาช่องโหว่ที่จะเติมเต็มความต้องการของบริโภคกับสิ่งที่แบรนด์สามารถทำให้ได้ ในเอเชียช่องโหว่ที่ว่านี้มีขนาดใหญ่มาก และจากผลวิจัยพบว่าผู้บริโภคในเอเชียมีความเหนียวแน่นในเทคโนโลยีมากกว่าในตะวันตกซะอีก เห็นได้จากการเติบโตของ Social Commerce การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของระบบจ่ายเงินแบบ mobile payment และวิวัฒนาการของร้านค้าปลีก ตัวอย่างที่ดีก็อย่างเช่นที่เกิดขึ้นในจีน นอกจากนี้ยังพบว่าบริษัทใหม่ๆ ยังมีแนวโน้มในการประสบความสำเร็จมากกว่าบริษัทที่เป็นมรดกตกทอด เพราะในยุคปัจจุบันหากไม่ยอมปรับเปลี่ยนวิธีการที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ก็เรียกได้ว่าอยู่ยาก
Q: แล้วเราควรทำยังไง?
A: พิจารณาให้ดีว่าธุรกิจของคุณควรเป็นแบบไหน และเริ่มจากภายใน
1.วางแผนอนาคต
กำหนดเป้าหมายที่ธุรกิจของคุณควรจะเป็น และจะสามารถรองรับกับความคาดหวังของลูกค้าได้ อย่าติดอยู่กับแบบแผนเดิมๆ ค้นหาบริการที่คุณสามารถทำให้พวกเขาได้ แต่ยังไม่ได้ทำ นั่นจะทำให้คุณสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยมี หรือไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีกลุ่มนี้อยู่ด้วย
2.สร้างทีมอินเฮาส์
ขยายทีมโดยการหาผู้เชี่ยวชาญมาร่วมทีมอินเฮาส์ในฐานะพาร์ทเนอร์ เพราะในเวลาแบบนี้บางทีคุณก็ไม่สามารถไว้ในเอเยนซี่ให้ทำทั้งหมดและรอแอพพรูพอย่างเดียวได้ หาพาร์ทเนอร์ที่ดีมาร่วมทีม แล้วผลักดันให้การเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลอันมีประสิทธิภาพเกิดขึ้นจากภายใน
แปลและเรียบเรียงโดย Prim NM