คืนวันพฤหัสที่ผ่านมา นินเทนโด ได้เผยโฉมผลิตภัณฑ์ใหม่ Nintendo Switch ให้สาธารณชนได้เห็นสักที หลังจากที่เคยใช้โค้ดเนมในโปรเจ็กท์นี้ว่า Nintendo’s NX มานาน และเมื่อปรากฏออกมาก็สร้างความตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก
ด้วยคุณสมับติเป็นเกมคอนโซล แต่สามารถถอดตัวจอออกมาเพื่อพกพาไปข้างนอกบ้านได้ แถมยังเชื่อมต่อเพื่อเล่นร่วมกับเพื่อนได้ในเวลาเดียวกัน การเปลี่ยนเกมใช้ตลับเกมที่คาดว่าน่าจะมีความจุถึง 32 GB เกมที่มีกราฟิคหนักๆ ก็น่าจะไหว เป็นการสร้างสรรค์เครื่องเล่นเกมแบบ Hybrid เป็นทั้งเกมคอนโซลและพกพาได้ เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะนำประสบการณ์เกมคอนโซลไปสู่ผู้เล่น เหมือนที่สมาร์ทโฟนหรือว่าแท็บเล็ตทำได้ในแง่ของการเป็นดีไวซ์ที่แนบชิดติดตัวผู้ใช้งาน
อย่างไรก็ตามหลังจากเผยโฉมออกมาให้เห็นด้วยวิดีโอแนะนำความยาว 3 นาทีกว่าๆ หุ้นของนินเทนโดในตลาดหุ้นโตเกียว (The Tokyo Stock Exchange) กลับตกลง 6.5%
นักวิเคราะห์ Dr. Serkan Toto ได้กล่าวถึงเหตุผลว่า “ขอโทษนะ แต่เครื่องเล่นพกพาและคอนโซล เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็น นวัตกรรม ในปี 2016 เหรอ? ผมค่อนข้างสงสัยในกลุ่มเป้าหมายของสินค้านี้ นอกจากแฟนพันธุ์แท้ของนินเทนโดแล้วใครจะซื้อ Nintendo Switch”
“Nintendo Switch ยังคงขาด Killer Feature และผมคิดว่ามันค่อนข้างยากสำหรับนินเทนโดที่จะกลับมาด้วยเกมคอนโซล ในเมื่อปัจจุบันผู้เล่นนิยมเกมในโทรศัพท์มือถือ ในญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างที่ดี เมื่อเกมในโทรศัพท์มือถือมีมูลค่าใหญ่กว่าเกมคอนโซล 2-3 เท่า แม้แต่ PS4 ก็ต้องเผชิญกับความยากลำบากเพื่อท้าทายกับการทำอะไรที่สวนทางกับเทรนด์”
ถึงแม้ว่าจะมีเกม Super Mario Run ใน iOS ที่นินเทนโดเปิดตัวเมื่อตอนที่ Apple เปิดตัว iPhone 7 เป็นตัวเชื่อม แต่ Dr. Serkan Toto ก็ไม่เชื่อว่าจากเกมทีมีโมเดล Free-to-play บนสมาร์ทโฟนจะสามารถเป็นสะพานให้ผู้เล่นยอมซื้อฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์
นอกจากนี้ยังมีคำถามถึงนินเทนโดอีกหลายอย่าง เช่น เจ้าเครื่อง Nintendo Switch นี้จะมาแทนที่หรือว่ากินตลาด เครื่อง Wii U หรือ 3DS หรือไม่ หรือว่าทั้งสองอย่างเลย? นินเทนโดจะทิ้งเทคโนโลยี Motion Control ที่ใช้ในเครื่อง Wii ไปแล้วหรือ? ยังมีคำถามอีกมากมายที่ต้องรอให้นินเทนโดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม 2017 ซะก่อน ถึงจะทราบสเปกที่แน่นอน ทั้งเรื่องการแสดงผล ระยะเวลาของแบตเตอรี่ เพราะในทีเซอร์มีอยู่หลายครั้งที่นินเทนโดชูจุดเด่นเรื่องของการนำเอาเครื่องติดตัวไปเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งเอาเข้าจริงถ้าแบตเตอรี่อยู่ได้ไม่นานพอก็คงไม่มีประโยชน์อะไร และสุดท้ายก็คือ “ราคา” จะเป็นที่ยอมรับของตลาดหรือเปล่า