อาศัยอยู่ในพื้นที่ตึก Sun Tower มานาน ล่าสุด ดิจิทัลเอเยนซี่ adapter ขยับขยายอาณาจักรครั้งใหญ่ รองรับการเติบโตที่ปีนี้มีสมาชิกเพิ่มกว่า 100 คน โดยอาศัยแนวคิดที่ว่า ออฟฟิศ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พนักงานใช้เวลามากเป็นลำดับ 2 รองจากบ้าน ต้องมีบรรยากาศเหมือนกับ Third Place สะดวก สบาย ไม่คร่งเครียด เพื่อเร่งพลังความคิดสร้างสรรค์ให้บรรเจิด BrandBuffet ขอพาบุกไปที่ adapter จิบกาแฟพูดคุยกับ เอิร์ธ-อรรถวุฒิ เวศรานุรักษ์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ ถึงเบื้องหลังการออกแบบออฟฟิศแห่งนี้
เหตุผลที่ adapter ต้องขยายออฟฟิศ ก็มาจาการขยายตัวของอุตสาหกรรมโฆษณาในส่วนของดิจิทัล ถ้าหากว่านับเฉพาะพนักงานที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ ก็มีกว่า 100 ชีวิต แต่แทนที่จะเพิ่มเติมเฉพาะโต๊ะทำงาน แล้วให้แต่ละคนนั่งอุดอู้ในพื้นที่จำกัด หัวเรือใหญ่ของบริษัทตัดสินใจทุบกระปุก เพิ่มพื้นที่ 1,500 ตารางเมตรแบบเหมาชั้นไปเลย ไม่ใช่แค่เพิ่มโต๊ะทำงาน แต่เพิ่มเติมอาณาจักรของความคิดสร้างสรรค์เข้าไปด้วย โดยใส่มุมพักผ่อน มุมคิดงาน ห้องประชุม ปรับปรุงพื้นที่สตูดิโอให้สอดรับกับงานเพิ่มมากขึ้นกับเทคโนโลยี และเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไป
“adapter ยังคง concept “Mix of modern and rustic inspired by industrial lofts” เหมือนเดิมในส่วนขยายใหม่ รวมถึงให้ คุณณรงศักดิ์ และคุณศุภชัย แห่ง ARCHIPLAN CO., LTD มาดูแลเรื่อง Interior Design ทั้งหมดให้เหมือนเดิม เพราะพี่ๆเค้าค่อนข้างเข้าใจธุรกิจและ lifestyle ของพนักงานเราเป็นอย่างดี รวมถึงมี taste ดีเยี่ยม ทำให้การ design ออฟฟิศไม่ได้ออกมาแค่สวย แต่ได้ functionality อย่างครบถ้วนด้วย”
นอกเหนือจากเรื่องความสวยงาม และฟังก์ชั่นแล้ว ยังมีเรื่องของการสร้างแรงบันดาลใจเพื่อผลักดันให้คนในออฟฟิศ ซึ่งสำหรับวงการดิจิทัล ล้วนแล้วแต่เป็นคนรุ่นใหม่ทั้งนั้น กระตุ้นให้ต่อมความคิดสร้างสรรค์ทำงาน บรรยากาศรอบตัวเป็นเรื่องหนึ่งที่สำคัญ
“เราเลยทำให้ออฟฟิศเหมือนเป็น 3rd place ที่เค้าสามารถไปใช้เวลาในการคิดงาน หรือประชุมงานด้วยบรรยากาศที่ relax ขึ้น เพราะบางครั้งพวกเค้าใช้เวลาอยู่ในออฟฟิศมากกว่าที่บ้านซะอีก ฉะนั้นการมาทำงาน ก็เหมือนกับมานั่งร้านกาแฟ เพียงแต่ของกินทุกอย่างฟรี” นี่คือสิ่งที่ผู้ประกอบการสมัยใหม่ต้องเข้าใจพนักงาน
อ้อ…และไม่ให้เสียชื่อบริษัท ดิจิทัล เอเยนซี่ ความเร็วอินเทอร์เน็ตที่นี่ แรงสุดๆ 80 MB
เฟอร์นิเจอร์เรียบๆ แต่ฟังก์ชั่นเพียบ
มุมนี้เท่จริงๆ
ชิลขนาดนี้
ไหนๆ ได้คุยกับพี่เอิร์ธทั้งที จะไม่พูดเรื่องธุรกิจก็เห็นจะไม่ได้ สำหรับทิศทางของ adapter ในปี 2017 มีทั้งเรื่องของเป้าหมายในประเทศ และมุมมองในการบุกตลาดต่างประเทศ
“เป้าหมายหลักของบริษัท เราวาง positioning ตัวเองให้เป็นบริษัทที่มี capability อันดับ 1 ทางด้าน Digital ที่ครบในทุกๆด้าน ซึ่งสามารถดูแล Brand ลูกค้าที่มีทั้ง scale และความ active อย่างต่อเนื่องได้ดีที่สุด ทั้งนี้เราไม่ต้องการโตแค่จำนวนคน แต่เราต้องการรักษา quality ของการทำงานไว้ด้วย อยากให้งานออกมาได้มาตรฐานทุกงาน ฉะนั้นเราจะ motivate คนทำงานทุกคนให้ focus ที่ core believe ของบริษัท นั่นคือต้อง deliver งานที่ creative | innovative | effective เท่านั้น”
“เราไม่ได้แคร์เรื่องรางวัลเป็นสิ่งแรก แต่เราแคร์เรื่องความสำเร็จของลูกค้ามาเป็นที่หนึ่ง เพราะความสำเร็จของลูกค้าคือความสำเร็จของเรา สิ่งนี้เป็น KPI ที่เราใช้กำหนดเวลาทำงานมาตลอด”
ลูกค้าหลายรายของ adapter มีการทำธุรกิจในต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ดังนั้นก็เหมือนกับการชิมลาง ให้เอเยนซี่ได้รับรู้ข้อมูล และพฤติกรรมผู้บริโภคไปในตัว ตอนนี้จึงอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาอย่างจริงจังถึงการเข้าไปสู่ AEC แต่จะไปในรูปแบบใด เปิดบริษัทเอง หรืออาศัยพาร์เนอร์ยังอยู่ในระหว่างการเตรียมการ
“บริษัทเราโตเร็วมาก ทั้งในแง่ billing และ client portfolio ที่น่าดีใจคือลูกค้าส่วนใหญ่จะแนะนำเราไปยังคนรู้จักอื่นๆทำให้เราได้ลุกค้ามาจากการ referral เป็นส่วนใหญ่ ที่สำคัญปีนี้เรามีลูกค้าใหม่ๆใน industry ที่เราไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งน่าจะทำให้ได้เห็นงานที่มีสีสันมากขึ้น”
“อันนี้พูดจากใจจริงว่าโชคดีที่ adapter มีแต่ลูกค้าดีๆ ลูกค้า treat เราเป็น partner และเราทำงานกับลูกค้าแบบ partner เช่นกัน เรารู้ insight และข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าเกือบทุกอย่าง ซึงนั่นทำให้เราวางกลยุทธ์และทำงานที่ตอบโจทย์กับธุรกิจลูกค้าได้จริงๆ ไม่ใช่แคมเปญที่ฉาบฉวย หรือมาเป็นไฟไหม้ฟางแล้วจบ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ลูกค้าค่อนข้างไว้ใจ และผลักดันให้” ซีอีโอของบริษัทกล่าวทิ้งท้าย
ถึงจะไม่เน้นรางวัล แต่โทรฟี่เพียบนะ
