(ขณะที่เขียน)การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (2016 US presidential election)กำลังจะเสร็จสิ้นลง โดยมีตัวเต็งอย่าง ฮิลลารี คลินตัน (Hillary Clinton) พรรค Democratic และ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) พรรค Republican นอกจากแคมเปญและนโยบายหาเสียงของสองพรรคจะฟาดฟันกันดุเดือด รวมไปถึงการดีเบตที่เผ็ดร้อน ในการช่วงชิงคะแนนเสียง สำหรับแง่ภาพลักษณ์ หรือ Personal Branding ของทั้งสองก็น่าสนใจมากสำหรับการตัดสินใจเลือกโหวต
แบรนด์ “ฮิลลารี คลินตัน” ตัวแทนแห่งความอดทนและทนทาน ไม่ว่าจะผ่านสถานการณ์อยากลำบากอย่าง กรณีเรื่องอื้อฉาวของสามีกับสาวเด็กฝึกงาน(บิล คลินตัน กับ โมนิก้า ลูวินสกี)ในเมื่อสองปีก่อน รวมไปถึงการผ่านร้อนผ่านหนาวในการเลือกตั้งประธานาธิบดีช่วงปี 1990 , กรณีโครงการอสังหาริมทรัพย์ Whitewater ล้มละลาย , กรณี Hillary-care , พลาดจากกาเลือกตั้งประธานาธิบดี , เหตุโจมตีสถานกงสุลในลิเบียมา และล่าสุดกับอีเมลล์แฉการใช้อีเมล์ส่วนตัวในงานราชการ ทักษะความอึดอดทนต่อเรื่องแย่ๆ จึงเปรียบเสมือน “ภาพลักษณ์” หรือ “แบรนด์” ของเธอ
ส่วนแบรนด์ “โดนัลด์ ทรัมป์” เอง แบรนด์ที่สะท้อนความเอ็นเตอร์เทนท์ หรือ ความบันเทิง อย่างชัดเจน จากตัวตนของเขาที่มาจากนักธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งสายเอ็นเตอร์เทนท์เมนต์ทั้งทีวี รายการเรียลลีตี้ คาสิโน โรงแรม เป็นต้น ทรัมป์ เองนิยมสร้างความดังให้กับตัวเองจากการ ความหยาบและความฉาว ไม่ว่าจะเป็นกรณีด่าผู้หญิง หรือ เหยียดเพศที่สาม และเรื่องฉาวต่างๆ ที่เกิดรายวันทำให้เขาเหมือนกับ Entertainer ที่สร้างสีสันบนจอทีวีในทุกบ้าน
สำหรับประธานาธิบดีคนต่อไปนี้ จะต้องมารับภาระและความหวังอันหนักอึ้งของชาวอเมริกันกว่า 300 ล้านชีวิต ที่จะนำพาประเทศผ่านวิกฤติต่างๆ ของสหรัฐอเมริกาไปได้
เรียบเรียงจาก : โอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ , Chief Strategy & Innovation Officer Y&R