สงครามระลอกใหม่สำหรับวงการ “เบียร์” ได้เกิดขึ้นแล้ว สมรภูมิตลาด “แสนล้าน” ที่ขับเคี่ยวกันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ก้าวต่อก้าว สู้กันยิบตาระหว่าง 2 ยักษ์ใหญ่ “บุญรอดบริวเวอรี่” หรือค่าย “สิงห์” และ “ไทยเบฟเวอเรจ” หรือค่าย “ช้าง” เมื่อล่าสุด เพจ “สักวาตกค่ำ ร่ำสุรา” และ “รีวิวขี้มาววว” ได้โพสต์ภาพและข้อความว่าได้รับเกียรติอย่างสูงในการเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตเบียร์ที่จังหวัดปทุมธานี โดยมีข่าวดีที่เกี่ยวกับสายการผลิตจะมีผลิตภัณฑ์เบียร์แบรนด์ใหม่ออกมา ภายใต้ชื่อ “U” Beer (ยู เบียร์)
จากการสอบถามไปยังผู้ประกอบการเอเย่นต์เบียร์รายใหญ่ของบุญรอดหรือค่ายสิงห์ และแหล่งข่าวสำคัญได้ให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ “U” Beer กลยุทธ์การทำตลาดดังนี้
ด้านผลิตภัณฑ์ “U” Beer มี 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 620 มิลลิลิตร(มล.) จะบรรจุในลังขนาด 12 ขวด และขนาด 320 มล. บรรจุลัง 24 ขวด ในการทำตลาดของสินค้าทั้ง 2 รายการ(เอสเคยู) แบ่งเป็นเฟส 1 เริ่มบุกตลาดเดือนธันวาคม 2559 สำหรับ“U” Beer ขนาด 620 มล. จะกระจายสินค้าผ่านช่องทางผับและร้านอาหาร(On-Premise” ประเภทร้านรั่งชิวๆที่เป็นแหล่งฮอตฮิต ยอมนิยมของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายอายุ 20-25 ปี วัยเริ่มต้นทำงาน(First Jobber) เจนเนอเรชั่น Z ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่เกิดมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก และอยู่ในโลกแห่งเทคโนโลยี มีการเรียนรู้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ยังโฟกัสพิเศษไปยังช่องทางที่มีสัดส่วนยอดขายเบียร์ช้างมากกว่าเบียร์ในเครือบุญรอด(Focus on Singha normal) รวมทั้ง Singha Happy และ Singha Exclusive แบบครอบคลุม เป็นการไป “ตี” ฐานสำคัญของคู่แข่ง และเสริมแกร่งในฐานกระจายและช่องทางจำหน่ายของบริษัทครบเครื่อง
ส่วนเรื่องของกลยุทธ์ “ราคา” มีการยึดราคาของช้างเป็น Benchmark จึงมีการแจ้งเอเย่นต์ให้ทราบว่า “ชนช้าง” แบบเต็มๆ
“การปั้นแบรนด์ใหม่ นำเสนอความสด ใหม่ ทันสมัย มาฟาดฟันจะทำได้เร็วกว่า ยูเบียร์ชนช้าง และต่อด้วยลีโอ สิงห์ นี่คือการแบ่งเซ็กเมนท์การแข่งขัน เพราะในเมื่อผู้บริโภคชอบเบียร์ที่มีบรรจุภัณฑ์สวย ราคาเบากระเป๋า สิงห์จึงจัดให้เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย” แหล่งข่าว กล่าว
ขณะที่รสชาติของ “U” Beer รสชาติอ่อน นุ่ม ดื่มง่าย “เหมือนเบียร์นอก” กลุ่มเป้าหมายจึงถูกโฟกัสไปที่คนรุ่นใหม่ ตามตลาดเบียร์เปลี่ยนไป โดยเฉพาะพฤติกรรมการดื่มเบียร์ของผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการบริโภคสินค้าที่เสริมสร้างภาพลักษณ์ แต่ราคาสูงไป ก็ไม่ซื้อ
เกมชิงบัลลังก์ครั้งนี้ จึงเป็นปรากฎการณ์ใหญ่อีกครั้งของตลาดเบียร์มูลค่ากว่า 1.8 แสนล้านบาท เพราะหลังจากปี 2558 ที่ผ่านมา “ช้าง” เบิกฤกษ์ปรับโฉมผลิตภัณฑ์ในโอกาสครบรอบ 20 ปีก่อน และสามารถทยอยเกณฑ์ส่วนแบ่งทางการตลาดจากค่ายสิงห์ได้เป็นกอบเป็นกำจาก 30% ไปแตะ 38-39% ในฐาน “เจ้าตลาด” ย่อมไม่อยู่เฉยให้ส่วนแบ่งถูกแย่ง และยอดขายลดลงเป็นแน่แท้ ดังนั้น “U”Beer จึงออกมาตั้งการ์ด “ปกป้อง” ส่วนแบ่งไม่ให้เพิ่ม กลับกัน ต้อง “แย่ง” สิ่งที่ค่ายสิงห์ สูญเสียไปให้กลับคืนมายืนหยัดอย่างแข็งแกร่งในตลาดเบียร์ระยะยาวด้วย
หากมองในเชิงการแข่งขันทางธุรกิจของ 2 ค่ายน้ำเบียร์ จะเห็นว่าช่วง 1-2 ปีที่มานี้ ต่างฝ่ายต่างวาง “กลยุทธ์” เพื่อทำตลาดในเชิงรุกและห้ำหั่นกันเต็มที่ทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และนอนแอลกอฮอล์ เช่น ช้างรวบรสชาติ และเปลี่ยนโฉมจากขวดน้ำตาลมาเป็นขวดเขียว สิงห์ก็ส่ง “U” Beer มารักษาบังลังก์แชมป์ ช้างปล่อย โซดาร็อค เมาเท็น บุกตลาด ค่ายสิงห์ ก็ส่งโซดาลีโอ มาปกป้องการเป็นผู้นำ
ซึ่งเกมการแข่งขัน คงไม่สิ้นสุดแค่ตรงนี้ ในอนาคตคงมีเรื่องสนุกๆให้แวดวงการตลาดได้วิเคราะห์อีกแน่นอน!
ที่มารูป : สักวาร่ำสุรา และ รีวิวขี้มาววว
เรื่อง : นายบุญจันทร์