เมืองไทยประกันชีวิต รุกบริการใหม่ MTL Global Connect เหนือความคาดหมาย ลูกค้าสามารถเข้ารับการรักษาในรูปแบบผู้ป่วยในได้ที่โรงพยาบาลในต่างประเทศ โดยไม่ต้องสำรองจ่าย เปิดตลาดกลุ่มลูกค้าใหม่ ทั้งกลุ่มนักธุรกิจที่ต้องเดินทางเป็นประจำ และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปต่างประเทศ ยกระดับมาตรฐานใหม่ประกันชีวิตและสุขภาพของคนไทยสู่สากล
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธุรกิจประกันชีวิตในปัจจุบันยังได้รับความสนใจในอัตราเติบโตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะกระแสการหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพและการคุ้มครองด้านสุขภาพมากขึ้น เพื่อช่วยวางแผนและบริหารค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลยามเจ็บป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึง
ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ให้บริการสำหรับลูกค้าที่ซื้อสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพด้วยโรงพยาบาลคู่สัญญากว่า 280 แห่ง ที่สามารถรองรับผู้เอาประกันภัยได้ทั่วประเทศ ซึ่งประกอบไปด้วยโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลในกลุ่มประเทศ AEC รวมถึงระบบการชดเชยสินไหมที่เปิดให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์ (ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลที่สามารถให้บริการได้ 24 ชั่วโมง) สำหรับลูกค้าที่ได้รับเอกสารครบถ้วนบริษัทฯ จะสามารถพิจารณาสินไหมทดแทนและตอบกลับภายใน 30 นาที นับจากการได้รับเอกสารจากโรงพยาบาล เพราะเราเข้าใจถึงความต้องการและเพื่อความสะดวกรวดเร็วของผู้เอาประกันภัย
สำหรับบริการใหม่ที่บริษัทฯ มอบให้แก่ลูกค้า ได้แก่ บริการ MTL Global Connect ซึ่งเป็นบริการที่มอบความอุ่นใจพร้อมคลายความกังวลแก่ลูกค้าที่ซื้อสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพ กรณีที่เกิดการเจ็บป่วยในต่างแดน โดยประกอบด้วย
1. บริการ Medical Hotline ให้คำปรึกษา ปัญหาสุขภาพเบื้องต้น หากต้องรีบเข้ารับการรักษา สามารถไปโรงพยาบาลใดได้บ้าง ซึ่งสามารถโทรปรึกษาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั่วโลก ที่หมายเลข +662 290 2424
2. บริการชดใช้สินไหมตามวงเงินความคุ้มครองสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพของ ผู้เอาประกันภัยแต่ละราย โดยสามารถเข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยในที่โรงพยาบาลใดก็ได้ทั่วโลก โดยไม่ต้องสำรองจ่าย ตามวงเงินที่ลูกค้าซื้อไว้กับบริษัทฯ (ในกรณีที่มีค่ารักษาพยาบาล ที่เกินจากวงเงินความคุ้มครอง ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่เกิดขึ้นกับทางโรงพยาบาลเอง)
ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายของโครงการ คือ ลูกค้าปัจจุบันของบริษัทฯ ที่ซื้อสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพ (ตามที่บริษัทฯ กำหนด) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 300,000 คน ตลอดจนกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีความเหมาะสมกับบริการนี้ ได้แก่ กลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่ต้องเดินทางไปศึกษาต่อในต่างประเทศ กลุ่มนักธุรกิจที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศเป็นประจำ และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าบริการนี้จะช่วยสร้างความอุ่นใจและบรรเทาความกังวลให้แก่ลูกค้า กรณีต้องเดินทางไปต่างประเทศแล้วเกิดเจ็บป่วยกระทันหันหรือในกรณีที่ไม่ได้เตรียมเงินสำรองไว้สำหรับค่ารักษาพยาบาล ดังนั้นการที่ไม่ต้องสำรองจ่ายจะช่วยคลายความกังวลไปได้มาก นอกจากนี้ การที่มีเจ้าหน้าที่ Medical Hotline เป็นคนกลางคอยช่วยประสานงานกับทางโรงพยาบาล และดูแลลูกค้าตั้งแต่วันแรกที่เข้าโรงพยาบาลจนถึงวันที่ออกจากโรงพยาบาล ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกอุ่นใจมากยิ่งขึ้น เมื่อต้องเข้านอนโรงพยาบาลในต่างแดน
สำหรับรายชื่อสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพที่ได้รับบริการนี้ ได้แก่
1. สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพเเบบ แยกค่าใช้จ่าย (H&S)
2. สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพเเบบ วีไอพี (VIP)
3. สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพเเบบ เหมาจ่าย (Lump Sum)
4. สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพเเบบ สมาร์ทเฮลท์ (Smart Health)
5. สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพเเบบ เอ๊กซ์ตร้า เเคร์ (Extra Care)
6. สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพเเบบ พรีเมี่ยม เฮลท์เเคร์ (Premium Health Care)
“คาดว่าบริการนี้สามารถอำนวยความสะดวกและสร้างความอุ่นใจให้ผู้เอาประกันได้ ด้วยความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการเป็นผู้นำด้านการประกันชีวิตและสุขภาพในปี 2560 สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคให้เข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางด้านการประกันชีวิตและสุขภาพออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น สำหรับบริการ MTL Global Connect นี้สามารถเริ่มใช้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2560 – 15 มกราคม 2561” นายสาระกล่าวสรุป