ไม่ใช่เรื่องง่าย ! กับการที่แบรนด์น้องใหม่สักแบรนด์จะสามารถไต่ระดับขึ้นไปเทียบชั้นกับแบรนด์รุ่นพี่ที่อยู่ในตลาดมานานกว่า และมีความแข็งแกร่ง จนยากที่จะแทรกซึมเข้าสู่ตลาด…แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย เหมือนดังกรณีศึกษา “OPPO” แบรนด์สมาร์ทโฟนจากแดนมังกรที่ใช้เวลาไม่ถึง 10 ปี ได้พิสูจน์ตัวเองจนก้าวขึ้นมาเป็น “แถวหน้า” ของวงการสมาร์ทโฟนทั้งบนเวทีระดับโลก และในประเทศไทย
ยืนยันได้จากข้อมูล International Data Corporation (IDC) รายงานส่วนแบ่งการตลาดแบรนด์สมาร์ทโฟนในตลาดโลกไตรมาส 3/2016 พบว่าใน 5 อันดับแรก “OPPO” เป็นแบรนด์ที่มีอัตราการเติบโตร้องแรงสุด 121.6% ในขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 4 อยู่ที่ 7.0% และมียอดการขาย 25.3 ล้านเครื่อง รองจาก Samsung, Apple และ Huawei ขณะที่ในตลาดจีน ปัจจุบัน “OPPO” ขึ้นแท่นเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดเรียบร้อยแล้ว
ส่วนในประเทศไทย “OPPO” ใช้เวลาเพียง 8 ปี กลายเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนดาวรุ่งมาแรง ที่ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 3 รองจาก Samsung และ Apple โดยในช่วง 11 เดือนของปี 2559 มีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยสูงถึง 66% และมียอดขายไม่ต่ำกว่า 200,000 เครื่องต่อเดือน
ที่สำคัญเป้าหมายใหญ่ในระยะยาวนับจากนี้ อยู่ที่การคว้าตำแหน่งผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนกลุ่มแอนดรอยด์มาครองให้สำเร็จ !!
หลายคนคงอยากรู้แล้วว่า…ทำไมแบรนด์สมาร์ทโฟนสัญชาติจีนรายนี้ ถึงสามารถทะลุทะลวงตลาดสมาร์ทโฟนทั้งในระดับโลก และในไทย
เบื้องหลังความสำเร็จที่ว่านี้ และการจะไปให้ถึงตำแหน่งผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนกลุ่มแอนดรอยด์ มาจาก 4 กลยุทธ์หลัก
1. ผลิตภัณฑ์ดี มีคุณภาพ สมาร์ทโฟนทุกรุ่นของ “OPPO” ยึดหลักนโยบายคุณภาพ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีออกสู่ตลาด ประกอบกับ “OPPO” มีความได้เปรียบกว่าแบรนด์อื่นตรงที่เป็นผู้ผลิตทุกชิ้นส่วนเอง จึงสามารถควบคุมคุณภาพการผลิตได้ตลอดทุกกระบวนการ
2. ฟีเจอร์การใช้งานตรงใจผู้บริโภค “OPPO” ให้ความสำคัญกับการศึกษาและทำความเข้าใจไลฟ์สไตล์ – พฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อนำมาพัฒนาฟีดเจอร์ให้ตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภค อย่างความต้องการหลักๆ ของผู้บริโภคทุกวันนี้ มองหาสมาร์ทโฟนที่ถ่ายรูปสวย ชัด และแบตเตอรี่อึด
ดังนั้น “OPPO” นำ Consumer Insight ดังกล่าว มาค้นคว้าและพัฒนา จนทำให้สมาร์ทโฟนของ “OPPO” มีจุดเด่น และแตกต่างจากแบรนด์อื่น ตรงที่เทคโนโลยีกล้องและการถ่ายรูป บวกกับแบตเตอรี่ใช้ได้ยาวนาน
3. นโยบายลงทุนระยะยาว การดำเนินธุรกิจของ “OPPO” ในแต่ละประเทศ เป็นการลงทุนระยะยาว และใส่เม็ดเงินอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการค้นคว้าวิจัย อย่างปัจจุบันมีการจดสิทธิบัตรเกี่ยวกับเทคโนโลยีการถ่ายรูปไปแล้วกว่า 1,116 สิทธิบัตร รวมถึงด้านการผลิต และด้านการตลาด – การขาย เพื่อทำให้แบรนด์เป็นที่รับรุ้ในวงกว้างขึ้น และเกิดการสร้างงานให้กับคนท้องถิ่น อย่างในตลาดประเทศไทย ปี 2559 “OPPO” เพิ่มจำนวนพนักงานคนไทยจาก 2,000 คน เป็น 4,000 คน และคาดว่าปี 2560 จะเพิ่มเป็น 6,000 คน
4. บริการที่ดี นอกจากมีผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ โดนใจผู้บริโภคแล้ว “OPPO” ยังโฟกัสบริการดี เพราะถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจของการทำธุรกิจ โดยมีแผนจะเพิ่มแบรนด์ช็อป จากปัจจุบันที่มีอยู่ 5,000 ร้านค้า เป็น 8,000 ร้าน และเพิ่มศูนย์ให้บริการลูกค้าอีก 35 แห่ง
“ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ “OPPO” เลือกเข้ามาตีตลาดหลังจากประสบความสำเร็จในประเทศจีน โดยเราเปิดตัวเข้าตลาดไทยด้วยรุ่น “OPPO Find 3” เมื่อปี 2552 สมาร์ทโฟนที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก จากวันนั้นถึงวันนี้ และต่อไปในอนาคต ประเทศไทยยังคงเป็นส่วนสำคัญของแผนการตลาด “OPPO” ที่เรามุ่งมั่นนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุดมาให้ผู้บริโภคชาวไทย” คุณลีโอ จ้าว ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท ไทย ออปโป้ จำกัด กล่าว
“F1s Classic Black” ต่อยอดความสำเร็จ
เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่สร้างความฮือฮาให้กับตลาดสมาร์ทโฟน กลุ่มราคาระดับกลาง (7,000 – 10,000 บาท) เมื่อ “OPPO” เปิดตัวรุ่น “F1s” ที่ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในตลาดโลกเท่านั้น ในประเทศไทย เป็นรุ่นที่ทำยอดขายสูงสุดในทุกช่องทางพันธมิตรของ “OPPO” ไม่ว่าจะเป็นร้าน CSC TG Fone , Banana IT , Jaymart , IT City , AIS , True , Dtac
ดังนั้น เพื่อตอกย้ำความสำเร็จ และคืนกำไรให้กับผู้บริโภค “OPPO” จึงนำเข้ารุ่น “F1s Classic Black Limited Edition” เพียง 2,000 เครื่องเท่านั้น จำหน่ายในราคา 8,990 บาท
ความพิเศษของรุ่นนี้ นอกจากตัวเครื่องสีดำ เทรนด์สีที่กำลังมาแรงในขณะนี้ ยังมีเทคโนโลยี “Fingerprint-proof coating” ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องกังวลเรื่องรอยนิ้วมือติดตัวเครื่อง ขณะที่ฟีเจอร์ยังคงคอนเซ็ปต์ “Selfie Expert” ทั้งขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล มีโหมด Beautify 4.0, Selfie Panorama และ Screen Flash
สำหรับคนที่สนใจ สามารถสั่งจองสมาร์ทโฟนรุ่น F1s Classic Black Limited Edition ล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 2 – 9 ธันวาคม ที่แบรนด์ช็อปของออปโป้ และตัวแทนจำหน่ายจำนวน 21 สาขาทั่วประเทศ (ตรวจสอบรายชื่อสโตร์ได้ที่ https://www.facebook.com/oppothai)
นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่จอง OPPO F1s Classic Black Limited Edition ล่วงหน้าในวันที่ 2 – 9 ธันวาคม เท่านั้นจะได้รับ “Premium Gift Box” ที่มาพร้อมอุปกรณ์ครบครันสำหรับสาวกเซลฟี่โดยเฉพาะ ซึ่งภายในกล่องมีทั้งเคสมือถือ, ไม้เซลฟี่, เลนส์ Fisheye และ เลนส์ Wide, สายชาร์จ และ ไฟเซลฟี่ หรือ Selfie Ring Light
“ภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยปี 2560 ยังมีแนวโน้มเติบโต โดยเป็นการโตจากการเปลี่ยนเครื่องใหม่(Replacement) เพราะทุกวันนี้คนไทยมีสมาร์ทโฟนใช้กันอยู่แล้ว โดยเซ็กเมนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ เซ็กเมนต์ระดับกลาง ที่ราคาขายอยู่ระหว่าง 7,000 – 10,000 บาท โดยมีสัดส่วนตลาดอยู่ที่ 30 – 40% จากตลาดรวมสมาร์ทโฟนในไทย 15 ล้านเครื่อง ขณะเดียวกันเซ็กเมนต์ระดับราคา 15,000 – 20,000 บาทขึ้นไป ก็จะขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับแผนธุรกิจของ “OPPO” ในปีหน้าจะมีสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่แนะนำสู่ตลาด ประมาณ 5 รุ่น โดยเรายังคงรักษาความแข็งแกร่งในเซ็กเมนต์ระดับกลาง เนื่องจากในเซ็กเมนต์นี้ เรามีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 40% นอกจากนี้บริษัทวางแผนที่จะกลับมารุกตลาดสมาร์ทโฟนระดับ 15,000 – 20,000 บาท โดยคาดว่าจะเปิดตัว 1 รุ่น และเรายังได้ตั้งเป้าหมายด้านยอดขายโดยรวมของ “OPPO” ตลอดทั้งปี 2560 เชื่อมั่นว่าจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านเครื่อง” คุณลีโอ กล่าวทิ้งท้าย